1 ล้านคนเฮ ! "ชลน่าน" ยัน ฉีดวัคซีน HPV ผู้หญิงวัย 11–20 ปี พ.ย.นี้
ชลน่าน ลุยแผน Quick Win พร้อมฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูกให้กับเด็กหญิงที่มีอายุตั้งแต่ 11–20 ปี ฟรี จำนวน 1 ล้านคนภายในสิ้นปี 2566 ทั้งในและนอกระบบสถานศึกษา คิกออฟ 1 พ.ย.นี้
19 ตุลาคม ที่ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอนด์ บางกอก คอนเวนชันเซ็นเตอร์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดการประชุมเพื่อหารือและเสริมสร้างนโยบายมะเร็งในสตรี และโอกาสของการดูแลมะเร็งในสตรี
ภายใต้หัวข้อ "Enhancing Women’s Cancer Care: Thailand Women Cancer Policy Forum" โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดสธ. พร้อมด้วย ผศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการแพทย์ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานภาคีเครือข่ายร่วมงาน
นพ.ชลน่าน ระบุว่า ตุลาคมเป็นเดือนที่ทั่วโลกร่วมรณรงค์ต้านภัยมะเร็งเต้านม ดังนั้น เดือนนี้จึงมีความสำคัญกับสุภาพสตรี สำหรับประเทศไทยก็ร่วมรณรงค์ในหลายกิจกรรม เพื่อสร้างความตระหนักรู้ต่อการต่อสู้กับมะเร็ง ในปีนี้ พญ.นวลสกุล บำรุงพงษ์ คณะที่ปรึกษา รมว.สธ. ได้มอบคำขวัญรณรงค์ต่อต้านมะเร็งในสตรีว่า "สวย เริศ เชิด สู้มะเร็ง"
ในขณะที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา มีนโยบายการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (HVP) เพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูกให้กับเด็กหญิงอายุ 11-20 ปี ทั้งในและนอกระบบสถานศึกษา จำนวน 1 ล้านคนภายในสิ้นปี 2566 ทั้งยังเป็นนโยบายเร่งด่วน (Quick win) 100 วันด้วยซึ่งจะคิกออฟวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ขณะที่สาธารณสุขได้ออกนโยบายมารองรับการป้องกัน "มะเร็งครบจงวร" เพื่อให้เกิดการคัดกรองมะเร็งในทุกเพศทุกกลุ่มวัยเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ สำหรับมะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในมะเร็งเพศหญิงแต่อัตราเสียชีวิตน้อยกว่ามะเร็งปากมดลูก โดยตัวเลขการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 40 หรือ ผู้ป่วย 17,000 คน เสียชีวิต 5,000 คน ในขณะที่ มะเร็งปากมดลูก นั้นอัตราการเสียชีวิตสูงเกือบร้อยละ 50 โดยจำนวนผู้ป่วย 5,400 คน เสียชีวิต 2,200 คนเนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่มาหาหมอเมื่อมีอาการป่วยแล้ว ปัญหา คือ มาหาหมอช้าทำให้มีอัตราการเสียชีวิตสูง
ดังนั้น ถ้าเราทำให้มะเร็งปากมดเข้าสู่การรักษาได้เร็วจะทำให้ตัวเลขการเสียชีวิตลดลงได้ถึงครึ่งหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาอุปกรณ์คัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเอง เป็นการเก็บตัวอย่างเชื้อในช่องคลอดแล้วส่งไปตรวจในห้องแล็บ โดยเป็นหนึ่งในชุดสิทธิประโยชน์ของ สปสช.
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อมูลทางวิชาการ พบว่า ความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านม พบสูงในผู้หญิงที่มีประจำเดือนก่อนอายุ 12 ปี แล้วประจำเดือนหมดหลังอายุ 55 ปี ที่สำคัญมะเร็งเต้านมมีความเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเพศหญิง จากข้อมูลระบุชัดเจนว่า ผู้หญิงที่มีลูก 3 คนขึ้นไปมีความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมน้อยกว่าผู้ที่ไม่มีลูก ดังนั้น เรื่องนี้จะสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการมีบุตร จึงอยากฝากว่า ต้องรณรงค์ให้มีลูกเพื่อป้องกันมะเร็งเต้านมและเพื่อสร้างความสมดุลให้กับโครงสร้างประชากรของประเทศควบคู่กันได้
สำหรับการป้องกันมะเร็งในเพศชายนั้น ทาง สปสช. มีโครงการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งท่อน้ำดีจากพยาธิใบไม้ในตับ เนื่องจากพบว่ามีความเสี่ยงจะเกิดในกลุ่มเพศชายภาคเหนือและอีสาน มากกว่าภาคกลางและใต้ ถึงร้อยละ 88 โดยพบมากในวัยทำงานถึงร้อยละ 45 ตั้งเป้าจะให้มีการคัดกรองพยาธิใบไม้ในตับ 100,000 ราย ซึ่งเทคโนโลยีปัจจุบันสามารถเก็บปัสสาวะตรวจได้
นอกจากนั้นขอฝากให้ สปสช. พิจารณาการเพิ่มสิทธิประโยชน์ในการคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยเครื่องเมมโมแกรมในผู้หญิงกลุ่มเสี่ยงที่อายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไปซึ่งเรื่องนี้ได้มีการคุยกันเบื้องต้นแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมา สปสช. ดูแลเรื่องการรักษามะเร็งเต้านมแต่กรณีไม่มีอาการแต่อยากตรวจเมมโมแกรม ในส่วนนี้สิทธิประโยชน์ของ สปสช. ยังไม่ครอบคลุม จึงได้พูดคุยกันว่า น่าจะเพิ่มสิทธิประโยชน์ตรงนี้
อย่างไรก็ดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาคอขวดในการดูแลผู้ป่วยจึงต้องกำหนดกลุ่มปัจจัยเสี่ยง คือ เพศหญิงที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีประจำเดือนเร็วและหมดช้า ผู้ที่มีภาวะอ้วน รวมถึงผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้
