เช็คอาการโรคพิษสุนัขบ้าเป็นอย่างไร หลังพบเสียชีวิตแล้ว 3 ราย

08 มิ.ย. 2566 | 14:48 น.
อัปเดตล่าสุด :08 มิ.ย. 2566 | 14:48 น.

เช็คอาการโรคพิษสุนัขบ้าเป็นอย่างไร หลังพบเสียชีวิตแล้ว 3 ราย กรมควบคุมโรค แนะประชาชนหากถูกสุนัขกัดให้รีบไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้ครบทุกเข็ม ระบุโรคสามารถพบได้ตลอดทั้งปี

นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้าจากการเฝ้าระวังโรคในระบบรายงานเฝ้าระวัง 506 โดยกองระบาดวิทยาว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-23 พ.ค.66 มีรายงานผู้เสียชีวิต 3 ราย (จังหวัดชลบุรี ระยอง และสุรินทร์)  

และเมื่อวันที่ 10 พ.ค.66 ที่ผ่านมากรมควบคุมโรคโดยกองระบาดวิทยาได้รับแจ้งจากสำนักงานควบคุมป้องกันโรคที่ 2 จังหวัดพิษณุโลก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก และโรงพยาบาลแม่สอด จังหวัดตาก พบผู้ป่วยเพศชาย อายุ 28 ปี สัญชาติเมียนมา สงสัยป่วยด้วยโรคพิษสุนัขบ้า 1 ราย 

เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 เข้ารับการรักษาที่คลินิกเอกชน ต่อมาอาการไม่ดีขึ้น จึงถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแม่สอดเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2566 แพทย์ผู้รับผิดชอบได้เก็บน้ำลายและปมรากผมส่งตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ให้ผลบวกเชื้อพิษสุนัขบ้า ต่อมาผู้ป่วยเสียชีวิตวันที่ 3 พฤษภาคม 2566 จาก

อย่างไรก็ดี จากการสอบสวนโรคพบว่า ผู้เสียชีวิตมีประวัติถูกสุนัขจรจัดกัดที่ขาขณะอาศัยอยู่ในประเทศเมียนมาช่วงกลางเดือนมีนาคม 66 และเนื่องจากการสัมผัสโรคเกิดขึ้นในต่างประเทศจึงไม่นับเป็นผู้ป่วย/ตาย ด้วยโรคพิษสุนัขบ้าในระบบรายงานการเฝ้าระวังโรค กองระบาดวิทยา  

อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประสานให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขชายแดนเฝ้าระวังและติดตามผู้สัมผัสสุนัขตัวดังกล่าวที่ประเทศเมียนมา รวมถึงแจ้งเตือนผู้สัมผัสสัตว์สงสัยโรคพิษสุนัขบ้าตัวอื่นๆ ในพื้นที่ดังกล่าวให้ไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรค และเฝ้าระวังโรคในสัตว์ไปพร้อมๆ กันด้วย โดยเฉพาะสุนัขและแมวในพื้นที่ซึ่งอาจได้รับเชื้อจากสุนัขที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า

เช็คอาการโรคพิษสุนัขบ้าเป็นอย่างไร หลังพบเสียชีวิตแล้ว 3 ราย

นายแพทย์ธเรศ กล่าวอีกว่า ผู้ป่วยโรคพิษสุนัขบ้าจะพบอาการทางระบบประสาทแบบเฉียบพลัน อาการระยะแรกจะมีไข้ อาจพบอาการคันบริเวณบาดแผลที่ถูกกัด แสบ ร้อน แล้วลามไปส่วนอื่น เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ 

ต่อมาอาจมีอาการกระสับกระส่าย กระวนกระวาย นอนไม่หลับ ประสาทหลอน ไวต่อสิ่งกระตุ้น เสียการทรงตัว พูดจาเพ้อเจ้อ กลืนลำบาก น้ำลายไหล กล้ามเนื้อกระตุก แน่นหน้าอก ชักเกร็ง อาจพบอาการกลัวแสง กลัวลม กลัวน้ำ ซึ่งเรียกว่า Furious form พบประมาณ 80% 

ส่วนอาการที่พบในอีกรูปแบบหนึ่ง ประมาณ 20% องผู้ป่วย คือ อาการอัมพาต (Paralytic form) โดยอาการอัมพาตกล้ามเนื้อจะเริ่มจากข้างที่ถูกกัด ก่อนที่จะลุกลามไปยังแขนขาทั้ง 4 และผู้ป่วยจะเสียชีวิตในที่สุด

นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคนี้ไม่มียารักษาจำเพาะ แต่สามารถป้องกันได้โดยการนำสัตว์เลี้ยงไปรับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ประชาชนที่ถูกสัตว์กัด/ข่วน หรือสัมผัสน้ำลายของสัตว์เข้าทางบาดแผล หรือเยื่อเมือกอ่อน 

โดยเฉพาะสัตว์ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าหรือได้รับครั้งล่าสุดเกิน 1 ปี หรือไม่ทราบประวัติวัคซีน ลูกสัตว์ที่เกิดจากแม่ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนหรือไม่ทราบประวัติวัคซีน ได้รับวัคซีนยังไม่ครบตามกำหนด หรือสัตว์ที่เคยได้รับวัคซีนแต่มีอาการป่วย หรือมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปให้ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่ โดยให้น้ำไหลอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 15 นาที 

หลังจากนั้นรักษาบาดแผลโดยการใส่ยาฆ่าเชื้อ กักขังสัตว์ที่กัด/เลีย สังเกตอาการอย่างน้อย 10 วัน หากสุนัขหรือแมวเสียชีวิต ให้รีบแจ้งผู้นำชุมชนที่อยู่ใกล้ที่สุด และแจ้งปศุสัตว์ในพื้นที่  เพื่อส่งซากสัตว์สงสัยที่เพิ่งตายตรวจหาเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าทางห้องปฏิบัติการ และไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับวัคซีนหลังสัมผัสโรคที่สถานพยาบาลหลังถูกกัด ข่วน หรือสัมผัสน้ำลายสัตว์ดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันจะฉีดวัคซีนเพียง 4-5 ครั้งเท่านั้น

“โรคพิษสุนัขบ้าสามารถพบได้ตลอดทั้งปีหากในพื้นที่นั้นๆ มีสุนัขหรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีเชื้อแล้วไปกัดคน หรือสัตว์ตัวอื่นต่อไป โรคนี้ติดต่อจากสัตว์สู่คนที่เกิดจากเชื้อไวรัสเรบีส์ (Rabies virus) พบในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยเฉพาะสุนัขและแมว และพบบ้างในโคกระบือ เชื้อจะเข้าทางบาดแผลที่ถูกกัด ข่วน หรือสัมผัสกับน้ำลายของสัตว์ที่มีเชื้อเข้าทางแผลหรือเยื่อเมือกอ่อน"