สธ.จ่อทบทวนกฎหมายอุ้มบุญ เพิ่มโทษผู้กระทำผิดทั้งใน-นอกประเทศ

11 พ.ค. 2566 | 13:40 น.
อัปเดตล่าสุด :11 พ.ค. 2566 | 13:45 น.

สาธารณสุข แก้ปัญหาอุ้มบุญผิดกฎหมาย จ่อทบทวนร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีฯ ให้สอดรับกับปัจจุบัน ส่งเสริมสิทธิประโยชน์คู่สามี-ภรรยาที่ต้องการมีบุตร เพิ่มโทษผู้กระทำผิดกม.ทั้งใน-นอกประเทศ

11 พฤษภาคม 2566 นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 มีผลบังคับใช้ กรม สบส.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสถานพยาบาลที่มีข้อมูลเบาะแสว่ามีความเชื่อมโยงกับกระบวนการรับจ้างอุ้มบุญ

รวมทั้งมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในการยกระดับคดีอุ้มบุญเป็นคดีพิเศษเพื่อนำผู้กระทำผิด ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาดำเนินการตามกฎหมายแต่ยังพบรายงานข้อมูลหญิงรับจ้างอุ้มบุญผิดกฎหมายเป็นระยะซึ่งการกระทำความผิดลักษณะดังกล่าว มักมีการดำเนินการเป็นขบวนการ เกี่ยวเนื่องกันทั้งในและต่างประเทศ

ดังนั้น กรม สบส. จึงดำเนินการทบทวนร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมปรับปรุงกฎหมายบางมาตราให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน

โดยมีสาระสำคัญ เป็นการกำหนดนิยามของผู้อนุญาต พนักงานเจ้าหน้าที่ หนังสือรับรองมาตรฐาน การห้ามผู้ใดกระทำการเป็นคนกลาง นายหน้า ให้เกิดการรับจ้างตั้งครรภ์แทน ทั้งในและนอกราชอาณาจักรไทย การเพิ่มอัตราโทษปรับ และจำคุกแก่ผู้รับจ้างตั้งครรภ์แทน คนกลาง หรือนายหน้า เพื่อป้องปรามมิให้เกิดการกระทำผิดกฎหมาย

ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยมีสถานพยาบาลทั้งภาครัฐ และเอกชนซึ่งผ่านการรับรองมาตรฐานการให้บริการด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ จำนวน 108 แห่ง แบ่งเป็นสถานพยาบาลภาครัฐ จำนวน 16 แห่ง และสถานพยาบาลเอกชน 92 แห่ง

ทั้งนี้ คลังข้อมูลด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ฯ ของประเทศไทย พบว่า มีอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์เฉลี่ยสูงถึง 46 % มีการให้บริการทำเด็กหลอดแก้วกว่า 20,000 รอบการรักษา การผสมเทียมกว่า 12,000 รอบการรักษา สร้างรายได้ในบริการทางการแพทย์นี้กว่า 4,500 ล้านบาทและด้วยรายได้ทางการแพทย์ที่มีมูลค่านับพันล้านบาท

 

รวมทั้งผู้ร่วมขบวนการอุ้มบุญเป็นกลุ่มผู้ได้ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นผู้จ้างอุ้มบุญ หญิงรับจ้างอุ้มบุญ นายหน้าต่างๆ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์โดยมิได้คำนึงในด้านกฎหมาย และจริยธรรม การทบทวนร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีฯ ให้เข้ากับสภาพการณ์ในปัจจุบันจะช่วยยกระดับการบังคับใช้กฎหมาย อุดช่องว่างมิให้เกิดการทำธุรกิจอุ้มบุญผิดกฎหมาย

อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการให้สอดคล้องตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย และช่วยส่งเสริมให้คู่สามี ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายได้มีบุตรตามที่มุ่งหวัง

ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็น หรือทราบเบาะแส การกระทำผิดกฎหมายเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ อาทิ การรับจ้างอุ้มบุญ โฆษณาชักชวนให้รับจ้างอุ้มบุญ หรือพบการซื้อขายไข่ อสุจิ ฯลฯ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรม สบส. 1426 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด