นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ (หมอมนูญ) ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว (หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC) โดยมีข้อความระบุว่า
เชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถคงอยู่ (persistent)ในร่างกาย และทำให้เกิดปอดอักเสบซ้ำแล้วซ้ำอีก ในคนที่เคยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ซึ่งคนกลุ่มนี้อาจจะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ๆ แพร่กระจายเชื้อให้คนอื่นๆต่อไป
ถ้าเป็นไปได้ต้องพยายามกำจัดเชื้อไวรัสในร่างกายของคนเหล่านี้ให้หมดด้วยการให้ยาต้านไวรัสพร้อมกันหลายขนานร่วมกับภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป
ผู้ป่วยชายอายุ 67 ปี เคยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองรักษาหายแล้วด้วยเคมีบำบัดเมื่อ 5 ปีก่อน มีปอดอักเสบจากไวรัสโควิดถึง 4 ครั้งในเวลา 4 เดือน
ครั้งที่ 1 : เดือน ก.ค.2565
ครั้งที่ 2 : เดือน ส.ค.2565
ครั้งที่ 3 : เดือน ก.ย.2565
ครั้งที่ 4 : เดือน ต.ค.2565
ผู้ป่วยรายนี้เคยได้รับวัคซีนป้องกันโควิดทั้งหมด 4 เข็ม เป็นแอสตร้าเซเนก้า 2 เข็ม ไฟเซอร์ 1 เข็ม และโมเดอร์นา 1 เข็ม แต่ตรวจวัดระดับภูมิคุ้มกันในเลือด Anti spike protein antibody พบว่าไม่มีภูมิเลย (น้อยกว่า 50) ผู้ป่วยได้ Evusheld ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป หลังฉีดเข้ากล้ามโดสแรกวันที่ 16 ส.ค. 2565
1 เดือนต่อมา ตรวจวัดระดับ Anti spike protein antibody ขึ้นมา 19,876 หลังให้ Evusheld โดสที่ 2 วันที่ 22 ต.ค. 2565 ตรวจวัดระดับ Anti spike protein antibody 2 สัปดาห์ต่อมา ภูมิคุ้มกันขึ้นมากกว่า 40,000 AU/ml
ติดตามผู้ป่วย 5 สัปดาห์หลังจากได้ยาต้านไวรัสโควิด 3 ขนานพร้อมกันคือ เรมเดซิเวียร์ชนิดฉีด แพ็กซ์โลวิด โมลนูพิราเวียร์ ชนิดกิน รวมทั้งภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป Evusheld ฉีดเข้ากล้ามหลังจากป่วยเป็นปอดอักเสบครั้งที่ 4 จากโรคโควิด
ผู้ป่วยดีขึ้นมาก ไม่ไอ ไม่เหนื่อย ไม่มีไข้ ออกกำลังกายได้ ตรวจ ATK สัปดาห์ละครั้งติดต่อกัน 4 สัปดาห์ให้ผลลบ เอกซเรย์ปอดล่าสุดกลับมาเป็นปกติ เชื่อว่าการรักษาครั้งนี้ สามารถกำจัดเชื้อไวรัสโควิดในร่างกายให้หมดไปได้ ต้องติดตามใกล้ชิดต่อไป
มีรายงานคนไข้ 1 คนในประเทศสหราชอาณาจักรแบบเดียวกับผู้ป่วยรายนี้ ได้รับยาเรมเดซิเวียร์คู่กับแพ็กซ์โลวิดแล้วได้ผลดี (ดูรูป) แสดงว่าการใช้ต้านไวรัสร่วมกันหลายขนานช่วยเสริมฤทธิ์การฆ่าเชื้อไวรัสให้ดียิ่งขึ้น และผลข้างเคียงไม่เพิ่มขึ้น