น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
รายงานล่าสุด วัคซีนเพียง 2 เข็ม ในเด็ก 3-17 ปี มีประสิทธิผลป้องกันการเสียชีวิตมากถึง 89.3%
ในช่วงเกือบสามปีที่ผ่านมา ซึ่งโควิดระบาดไปทั่วโลก จนมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 600 ล้านคน และเสียชีวิตมากกว่า 6 ล้านคนนั้น
เราจะพบว่า กลุ่มที่มีอาการค่อนข้างน้อยและเสียชีวิตน้อย คือในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น ตลอดจนงานวิจัยมักจะทำการศึกษาทดลองในผู้ใหญ่ เป็นส่วนใหญ่
จึงทำให้กลุ่มเด็กและวัยรุ่น เป็นกลุ่มท้ายสุด ที่ได้รับการฉีดวัคซีน
พ่อแม่ผู้ปกครองที่ยังไม่แน่ใจว่า ควรจะฉีดวัคซีนให้กับบุตรหลานของตนหรือไม่ ก็เกิดมาจากข้อมูลสองส่วนได้แก่
วันนี้มีรายงานการศึกษาขนาดใหญ่จากประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งได้เก็บข้อมูลในช่วง 12 กันยายน 2564 ถึง 23 เมษายน 2565
ซึ่งเป็นระยะเวลาคาบเกี่ยว ที่มีไวรัสสายพันธุ์เดลตาเป็นหลักในปี 2564 และโอมิครอนเป็นหลักในปี 2565
โดยเป็นการเก็บข้อมูลที่มากถึง 278,642 ราย ฉีดวัคซีนสองเข็ม 150,966 ราย และไม่ได้รับการฉีดวัคซีน 60,205 ราย
โดยในกลุ่มอายุ 3-11 ปี จะฉีดวัคซีนเชื้อตายของ Sinopharm สองเข็ม
และในกลุ่มอายุ 12-17 ปี จะฉีดวัคซีน mRNA ของ Pfizer หรือ Moderna สองเข็ม
แล้วติดตามดูตัวเลขประสิทธิผลของวัคซีน (Vaccine Effectiveness) ทั้งในเรื่องการติดเชื้อ การเสียชีวิต และระดับภูมิคุ้มกันที่ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ได้ผลดังนี้
1.การเสียชีวิต : วัคซีนมีประสิทธิผลในการป้องกันหรือลดการเสียชีวิตลงได้ 89.3%
โดยในเด็ก 3-11 ปี
มีประสิทธิผล 66.9%
ในกลุ่มวัยรุ่น 12-17 ปี
ประสิทธิผล 97.6%
การติดเชื้อ :
ในช่วงที่ไวรัสเป็นโอมิครอน
ระดับภูมิคุ้มกัน : จากการฉีดวัคซีนในช่วงเดือนแรก วัคซีนจะมีระดับประสิทธิผล 37.6-55.8%
แต่หลังจากเลยสองเดือนไปแล้ว ระดับประสิทธิผลของการป้องกันลดลงอย่างมาก
กล่าวโดยสรุป
ข้อมูลดังกล่าวนี้ ชี้ให้เห็นว่า การฉีดวัคซีนแม้เพียง 2 เข็ม ในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น สามารถลดการเสียชีวิตได้ค่อนข้างดี
ส่วนป้องกันการติดเชื้อได้ไม่ค่อยดีนัก จะต้องพิจารณาการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือพิจารณาวัคซีนรุ่นที่สองชนิดสองสายพันธุ์ ที่สามารถรองรับไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนได้ด้วย