เตือน บุหรี่ไฟฟ้าแบบให้ความร้อน เสี่ยงเพิ่มโรค NCDs 2 เท่า

19 มี.ค. 2568 | 14:55 น.
อัปเดตล่าสุด :19 มี.ค. 2568 | 15:11 น.

เปิดผลวิจัยชี้ชัด บุหรี่ไฟฟ้าแบบให้ความร้อนไม่ได้ปลอดภัยกว่าบุหรี่ทั่วไปแม้ไม่มีการเผาไหม้แต่ละอองไอยังมีสารพิษหลายชนิด เพิ่มความเสี่ยงภาวะอ้วน ความดัน เบาหวาน

ในปัจจุบันพบว่าเด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไปมีการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความเข้าใจผิดว่า บุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่าบุหรี่ธรรมดา แต่ในความเป็นจริงบุหรี่ไฟฟ้าทุกชนิดเต็มไปด้วยสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

นายแพทย์สุทัศน์ โชตนะพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ให้ข้อมูลว่า หนึ่งในประเภทของบุหรี่ไฟฟ้าที่กำลังได้รับความนิยม คือ บุหรี่ไฟฟ้าแบบให้ความร้อน (Heated Tobacco Products: HTPs) ซึ่งมักถูกเข้าใจผิดว่า ปลอดภัยกว่าบุหรี่ซิกาแรตเพราะไม่มีการเผาไหม้ อย่างไรก็ตาม แม้บุหรี่ไฟฟ้าแบบให้ความร้อนจะใช้ความร้อนแทนการเผาไหม้แต่ละอองไอที่เกิดขึ้นยังคงมีสารพิษหลายชนิด 

อีกทั้งยังพบสารเคมีบางชนิดที่ไม่พบในควันบุหรี่ซิกาแรตซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญ (1) ในปัจจุบันมีงานวิจัยจำนวนมากที่ยืนยันว่า บุหรี่ไฟฟ้าแบบให้ความร้อนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น การศึกษาของสถาบันชีวการแพทย์และการแพทย์ สาธารณรัฐเกาหลี ร่วมกับมหาวิทยาลัยโคโลราโด สหรัฐอเมริกา พบว่า การใช้บุหรี่ไฟฟ้าแบบให้ความร้อน เพิ่มความเสี่ยงถึง 2 เท่า ต่อการเกิดภาวะอ้วนลงพุง ความดันโลหิตสูง น้ำตาลในเลือดสูง และไขมันในเลือดสูง เป็นต้น

ดังนั้น ผู้ที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าแบบให้ความร้อน จึงมีความเสี่ยงเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในอนาคต โดยเฉพาะในผู้ที่ใช้มาอย่างต่อเนื่อง นานเกิน 3 ปี (2) จึงเป็นหลักฐานชัดเจนว่า บุหรี่ไฟฟ้าแบบให้ความร้อนไม่ได้ปลอดภัยกว่าบุหรี่ซิกาแรต

นายแพทย์ชยนันท์ สิทธิบุศย์ ผู้อำนวยการกองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบและรักษาการนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมควบคุมโรคมีนโยบายสำคัญในการลดการป่วยจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ที่กำลังเป็นปัญหาสำคัญด้านสาธารณสุข

ดังนั้น การคงมาตรการห้ามนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าทุกชนิด ร่วมกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด จึงเป็นวิธีที่เหมาะสมในการป้องกันเด็ก เยาวชนและผู้ใหญ่ตอนต้นที่ไม่สูบบุหรี่ จากการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าหรือผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่ที่มีลักษณะเช่นเดียวกับบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อไม่ให้เข้าสู่วงจรการเสพติดนิโคติน และช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ตามนโยบายของรัฐบาล

สำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลิกบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้า สามารถติดต่อขอคำปรึกษาได้ที่ สถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขใกล้บ้าน หรือโทรสายด่วนเพื่อรับคำปรึกษาเลิกบุหรี่ 1600