อาการ “โรคงูสวัด” พันรอบตัวไม่ตาย แต่อันตรายร้ายแรง-มีความเสี่ยงถึงชีวิต

07 ก.พ. 2568 | 04:45 น.

ผู้สูงอายุ 50-60 ปีขึ้นไป หรือในกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เสี่ยงเป็นโรค “งูสวัด” รักษาได้แต่ไม่ง่ายหากอาการรุนแรง-เกิดภาวะแทรกซ้อน อาจมีความเสี่ยงถึงชีวิต

นพ.บารมี พงษ์ลิขิตมงคล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ครอบครัว ศูนย์อายุรกรรม รพ.วิมุต กล่าวว่า โรคงูสวัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัสวาริเซลลา ซอสเตอร์ (Varicella zoster virus – VZV) เป็นเชื้อตัวเดียวกันกับโรคอีสุกอีใส เมื่อติดอีสุกอีใสร่างกายอาจไม่ได้กำจัดเชื้อหมด ทำให้เชื้อบางส่วนอาจไปซ่อนอยู่ตามปมประสาท เมื่อภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง ก็อาจกระตุ้นให้เป็นโรคงูสวัดได้ 

นอกจากนี้งูสวัดสามารถแพร่กระจายจากการสัมผัสหรือหายใจ โดยนำละอองจากตุ่มน้ำของผู้ป่วยเข้าไปสู่อีกคน ถ้าติดเชื้อแล้วไม่เคยเป็นอีสุกอีใสก็จะเป็นอีสุกอีใสก่อน พออายุมากขึ้นร่างกายและภูมิคุ้มกันเริ่มเสื่อมลงตามวัยก็ทำให้ป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ได้ง่ายกว่าเดิม และหนึ่งในโรคที่น่ากลัวก็คือ "โรคงูสวัด" ซึ่งเกิดจากเชื้อที่ซ่อนตัวอยู่ในร่างกายหลังจากที่เคยเป็นอีสุกอีใสมา

ปัจจัยเสี่ยงป่วย “โรคงูสวัด”

  • คนที่มีเชื้อของโรคอีสุกอีใสอยู่ในตัวสามารถเป็นโรคงูสวัดได้เมื่อร่างกายอ่อนแอ 
  • พบบ่อยในคนอายุ 50-60 ปีขึ้นไป
  • พบในกลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วยมะเร็ง, HIV, โรคเรื้อรัง, โรคเบาหวาน, โรคไตเรื้อรัง หรือคนไข้ที่มีโรคประจำตัวที่ต้องกินยากดภูมิ และโรคแพ้ภูมิตัวเอง คนเหล่าวนี้จะเป็นกลุ่มที่เสี่ยงเป็นงูสวัดได้ง่ายกว่าคนทั่วไป

อาการ "โรคงูสวัด" พันรอบตัวไม่ตาย แต่อาการรุนแรง

  • ช่วงแรกจะมีอาการปวดแสบ ปวดร้อน คันบริเวณผิวหนัง 
  • มีไข้ และมีผื่นเป็นตุ่มนูนแดงเรียงกันเป็นกลุ่มหรือเป็นแนวยาวตามเส้นประสาท 
  • มีตุ่มน้ำใสคล้ายกับตุ่มของอีสุกอีใส ตรงตำแหน่งที่เจอบ่อยมักจะเจอตรงลำตัวและใบหน้า 

โรคนี้จะใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน ตุ่มจะแตกและแห้งไปเอง และจะหายดีประมาณ 2-4 สัปดาห์ แต่หลังจากหายดีแล้ว ผู้ป่วยบางคนอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน และเจอบ่อยในผู้สูงอายุด้วยอาการ ดังนี้

  • ปวดตามแนวเส้นประสาทตรงช่วงที่มีผื่นหรือตุ่มน้ำ 
  • ติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง หรือมีภาวะงูสวัดขึ้นตาที่ทำให้เกิดอาการผิดปกติกับดวงตาและการมองเห็น 

อาการ “โรคงูสวัด” พันรอบตัวไม่ตาย แต่อันตรายร้ายแรง-มีความเสี่ยงถึงชีวิต

นพ.บารมี กล่าวว่า หลายคนเคยได้ยินว่าถ้างูสวัดพันรอบตัวจะทำให้เสียชีวิต ซึ่งไม่เป็นความจริง คนที่เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น และงูสวัดมักจะขึ้นแค่ด้านใดด้านหนึ่งของลำตัว แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นพร้อมกันสองฝั่งได้ในคนที่มีภูมิต่ำมาก ทำให้มีอาการรุนแรงมากกว่าคนทั่วไป

"โรคงูสวัด" รักษาได้ง่ายใน 72 ชั่วโมงแรก

การวินิจฉัยโรคงูสวัดสามารถทำได้จากการซักประวัติและตรวจร่างกายเบื้องต้น ซึ่งให้ความแม่นยำมากกว่า 50% ในกรณีที่ต้องการยืนยันผล แพทย์อาจส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม เช่น การเจาะตุ่มน้ำหรือขูดเซลล์ เพื่อตรวจวินิจฉัยความผิดปกติของเซลล์ที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส

การรักษาจะพิจารณาตามระยะเวลาการเกิดโรค ถ้ายังอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงแรกหลังเริ่มมีอาการ สามารถให้ยาต้านไวรัสเพื่อช่วยลดความรุนแรงและการแพร่กระจายของเชื้อได้ แต่หากพ้นช่วงนี้ไปแล้ว พทย์จะพิจารณาจ่ายยาตามอาการ เช่น ยาแก้ปวดหรือยาแก้คัน ผู้สูงอายุและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำควรหลีกเลี่ยงการซื้อยามากินเองหรือใช้ยาสมุนไพรทาแผล เนื่องจากอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อซ้ำซ้อน และควรฉีดวัคซีนป้องกันไว้เพราะช่วยป้องกันโรคนี้ได้ 

วิธีป้องกัน "โรคงูสวัด" 

  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
  • กินอาหารที่มีประโยชน์
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือใกล้ชิดคนที่เป็นงูสวัด
  • ฉีดวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด (Shingrix) 2 เข็ม

อาการ “โรคงูสวัด” พันรอบตัวไม่ตาย แต่อันตรายร้ายแรง-มีความเสี่ยงถึงชีวิต

ทั้งนี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) แนะนำให้ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป คนที่มีภูมิต่ำ และคนที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน โดยวัคซีน Shingrix จำนวน 2 เข็ม สามารถป้องกันการเกิดโรคและภาวะปวดปลายประสาทหลังเป็นงูสวัดได้มากกว่า 90% ครอบคลุมอาการปวดร้อน ปวดแสบปมประสาท ลดความรุนแรงของโรคและโอกาสเกิดซ้ำได้ สำหรับการฉีดเข็มที่สองจะห่างจากเข็มแรก 2 - 6 เดือน และอาจมีอาการข้างเคียงทำให้ปวดบวมแดงตรงแขนที่ฉีด มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัวไม่เกิน 2 วัน

"แม้ว่างูสวัดจะเป็นโรคที่หายเองได้หากร่างกายมีความแข็งแรงดีอยู่แล้ว แต่คนที่อายุเยอะหรือภูมิคุ้มกันไม่ค่อยดีอาจต้องคอยดูแลร่างกายให้มาก ที่สำคัญคืออย่าลืมฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันและลดความรุนแรงของโรค นอกจากนี้ ก็ควรสังเกตความผิดปกติของร่างกายอยู่เสมอ ถ้าปวดแสบปวดร้อนตามตัว หรือมีอาการเข้าข่ายเป็นโรคงูสวัดให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาทันที ก่อนอาการจะลุกลามจนเกิดภาวะแทรกซ้อน”