9 มีนาคม 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายขับเคลื่อนสู่ "ระบบสุขภาพดิจิทัล" ยกระดับคุณภาพการบริการด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ให้ประชาชนได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว ทันสมัย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงช่วยลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ในการคัดกรองและวินิจฉัยโรคเบื้องต้นหนึ่งในแนวทางดำเนินการ คือ การนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้
ล่าสุดได้รับรายงานจาก นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข ว่า มีการนำ AI มาใช้พัฒนาทางการแพทย์และสาธารณสุขรวม 26 โครงการ ในจำนวนนี้ พัฒนาสำเร็จแล้ว 6 โครงการ ในปีงบประมาณ 2568 จะพัฒนาเสร็จอีก 11 โครงการ และอยู่ในแผนพัฒนา 9 โครงการ
สำหรับ 6 โครงการที่พัฒนาสำเร็จแล้ว ได้แก่
1. เครื่องมือตรวจจับภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตา (AI Retina) โดยกรมการแพทย์ ซึ่งพบว่า มีความไวและความจำเพาะในการตรวจวินิจฉัยภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตามากกว่า 95% ใช้งานในโรงพยาบาลแล้วมากกว่า 130 แห่ง และคัดกรองผู้ป่วยเบาหวานไปแล้วกว่า 21,000 ราย
2. เครื่องมือคัดกรองฟันผุจากการวิเคราะห์ภาพถ่ายช่องปาก โดยกรมอนามัย เป็นแอปพลิเคชันชื่อ "รักยิ้ม" สามารถถ่ายภาพช่องปากเพื่อประมวลผล แปลผล และให้คำแนะนำด้านทันตกรรมได้ ตรวจจับฟันผุได้แม่นยำ 84.5% มีผู้ใช้งานแอปพลิเคชันแล้ว 3,500 ราย และเปิดให้หน่วยงานอื่นใช้งานระบบได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
3. หมอแผนไทยอัจฉริยะ (Panthai AI Doctor & Chatbot) โดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สามารถตรวจวินิจฉัยด้านแผนไทยเบื้องต้น 5 กลุ่มโรค ได้แก่ โรคโลหิตระดูสตรี, ท้องอืดท้องเฟ้อ, ไข้หวัด, ระบบกล้ามเนื้อ และกระดูก และผื่นแพ้คัน รวมถึงตอบคำถามสุขภาพและวิเคราะห์ข่าวปลอมด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร
4. แพลตฟอร์มข้อมูลภาพถ่ายทางการแพทย์และเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ (Imaging Hub) โดยสำนักสุขภาพดิจิทัล เป็นระบบฐานข้อมูลภาพถ่ายทางการแพทย์ขนาดใหญ่ทั่วประเทศ มากกว่า 5 แสนรายการ และจะขยายฐานข้อมูลภาพเพิ่มอีก 1-3 ล้านภาพ ภายในปีนี้ โดยมี AI วิเคราะห์ภาพถ่ายเอกซเรย์ทรวงอก และรองรับเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์วิเคราะห์ภาพทางเอกซเรย์อื่น ๆ ด้วย
5. เครื่องมือแจ้งเตือนการระบาดและเหตุภัยพิบัติ (DDC.alert) โดยกรมควบคุมโรค แสดงภาพแผนที่การระบาดของโรคและภัยพิบัติ แจ้งเตือนและพยากรณ์การระบาดของโรค เช่น โควิด 19 ช่วยแจ้งเตือนภัยพิบัติ เช่น อุทกภัย โดยมีหน่วยงานสาธารณสุขใช้งานแล้ว 1,151 หน่วยงาน แจ้งเตือนเหตุการณ์สำคัญ 3,137 เหตุการณ์
6. เครื่องมือประเมินความเสี่ยงซึมเศร้า(AI Depression + DMIND) โดยความร่วมมือระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและกรมสุขภาพจิต ให้บริการประเมินด้วย AI และต่อยอดกลุ่มเสี่ยงสู่สายด่วนสุขภาพจิต 1323 สามารถประเมินความรุนแรงของผู้รับบริการ ช่วยให้ผู้ที่มีความเสี่ยงระดับรุนแรงและปานกลางเข้ารับบริการได้เร็ว มีผู้ได้รับการประเมินแล้วมากกว่า 100,000 ราย