ด่วน ศาลสั่งจำคุก “กฤษณ์ ณรงค์เดช” 44 เดือนคดียักยอกเงิน 35 ล้าน

19 มี.ค. 2568 | 11:46 น.
อัปเดตล่าสุด :19 มี.ค. 2568 | 15:35 น.

ศาลพิพากษาชี้ขาด สั่งจำคุก “กฤษณ์ ณรงค์เดช” 44 เดือน คดียักยอก เงิน 35 ล้านบาท ไม่รอลงอาญา ฟากจำเลยขอประกันตัวต่อสู้ชั้นอุธรณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากศึกสายลือดของคนในตระกูลณรงค์เดช ที่มีชนวนมาจากคดี หุ้น บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ วันนี้ (19มี.ค.68)  เวลา 9.00น.ห้องพิจารณาคดี 6  ศาลแขวงพระนครใต้ ศาลชั้นต้น

เปลวเทียน อุตระชัย ผู้พิพากษา ออกนั่งบัลลังก์ 6 อ่านคำพิพากษา คดี อ.1662/2566 ระหว่างนายณพ ณรงค์เดช (โจทก์)กับนายกฤษณ์ ณรงค์เดช และพวกรวม 3 คน (จำเลย)ฐานความผิดยักยอก ค่าเช่าที่ดินที่จังหวัดสมุทรปราการ มูลค่ากว่า 35 ล้านบาท ในคดีอาญา

ให้จำคุกฝั่งจำเลยนายกฤษณ์ ไม่รอลงอาญา  แต่เนื่องจากคดีอยู่ในศาลชั้นต้น ล่าสุด ได้ขอประกันตัวด้วยวงเงิน4แสนบาท และขอต่อสู้คดีต่อไปในชั้นศาลอุทธรณ์

 

ทั้งนี้บรรยากาศในห้องพิจารณาคดีคู่กรณี ทั้งนาย ณพ ณรงค์เดช (โจทยก์)และฝั่งของนายกฤษ ณรงค์เดช และบริษัท CBNB กับพวกรวม 3 คน (จำเลย) มีสีหน้าที่เคร่งเครียด จากการบอกเล่าคดีดังกล่าว มีการฟ้องร้องเมื่อปีที่ผ่านมา

 

นายณพ กล่าวว่า ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีดังกล่าวจำคุกนายกฤษณ์แต่เพียงผู้เดียว 44 ปี ไม่รอลงอาญา แต่เนื่องจากอยู่ในศาลชั้นต้นจึงสามารถต่อสู้คดีได้
 

นายณพอธิบายคำฟ้องโดยสรุปว่า คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช มารดาของโจทก์ขณะมีชีวิตอยู่ได้มีการนำที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบริเวณตำบลศีรษะจรเข้ใหญ่ กิ่งอำเภอบางเสาธง จังหวัด สมุทรปราการ ออกให้บุคคลภายนอกเช่า

รวมถึงได้ให้บริษัท โทลล์ โลจิสติก จำกัด เช่า โดยได้รับค่าเช่า หลังจากที่คุณหญิงพรทิพย์ ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว เมื่อวันที่15 ก.พ.59 ต่อมา จำเลยที่1 โจทก์ และนายกรณ์ ณรงค์เดช เข้าเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินผืนดังกล่าว จำเลยที่ 1

ไม่เคยทำบัญชีทรัพย์มรดกและไม่นำเงินส่วนแบ่งค่าเช่าและค่าเช่าช่วงมอบให้โจทก์ตามสิทธิทั้งในฐานะทายาทและในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินข้างต้น โดยโจทก์ได้มอบหมายให้ทนายความมีหนังสือบอกกล่าวทวงถามให้จำเลยที่ 1 จัดทำบัญชีทรัพย์มรดก และแบ่งปันทรัพย์มรดกให้เสร็จสิ้นแต่จำเลยที่1 เพิกเฉย

ทั้งนี้ จำเลยที่ 1 เจตนาเบียดบังเอาค่าเช่าและค่าเช่าช่วงที่โจทก์มีสิทธิได้รับเป็นของตนและบุคคลอื่นโดยทุจริตโดยโจทก์มิได้ยินยอม ทั้งนี้จำเลยที่2-3 ต่างก็ทราบข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นอย่างดีแต่ก็ยังสมคบกับจำเลยที่ 1

ไม่ส่งมอบเงินตามสิทธิที่โจทก์มีสิทธิได้รับให้แก่โจทก์ จำเลยทั้งสามมีเจตนาทุจริตยักยอกทรัพย์คือเงินค่าเช่า โจทก์รวมเเล้วหลายครั้งเป็นเงินกว่า 35 ล้านบาท เเเละขอให้นับโทษต่อจากคดีในศาลนี้ที่เคยพิพากศาลงโทษจำคุกไม่รอลงอาญาไว้ 12 เดือน