แนวคิดการเลื่อนเปิดเทอม ภาคเรียนใหม่ปี 2568 ของกระทรวงศึกษาธิการ และคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ด้วยการแก้ไขวันเปิด-ปิดภาคเรียนใหม่ กำลังได้รับความสนใจจากหลายฝ่าย
ภาคเรียนที่ 1
อย่างไรก็ตามแนวคิดดังกล่าวอยู่ในช่วงของการรับฟังความคิดเห็น ยังต้องพิจารณาในอีกหลายส่วนต่อไป
พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้เหตุผลว่า ข้อดีของการเลื่อนวันเปิดเทอม จะทำให้การบริหารจัดการง่ายขึ้น การปิดภาคเรียนที่ 1 ที่ยาวขึ้นก็จะทำให้นักเรียนมีเวลาหยุดเพิ่มขึ้น
ส่วนข้อกังวลเรื่องการนับอายุเด็กก่อนเข้าเรียนและเรื่องอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นนั้น จะต้องมาดูประโยชน์ที่จะเกิดในภาพรวม ว่าคุ้มค่าหรือไม่ หากการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ก่อให้เกิดปัญหามากกว่าประโยชน์ที่จะได้รับก็คงจะไม่เปลี่ยน แต่หากได้รับผลประโยชน์ที่ดีมากกว่า ก็คงจะมีการปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพบริบทในปัจจุบัน
ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขา กพฐ. กล่าวว่า หากมีการเปิด-ปิดภาคเรียนที่สอดคล้องกับช่วงปีงบประมาณ ก็จะเป็นผลดีต่อการบริหารอัตรากำลัง
โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้สำรวจความคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกว่า 47,467 คน ทั้งผู้บริหารสถานศึกษา ครู นักเรียน ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ นักวิชาการศึกษา และอื่นๆ พบว่า เห็นด้วย 80.30% ไม่เห็นด้วย 16.91% และอื่นๆ 0.79%
1. เพื่อให้สะดวกต่อการบริหารจัดการภายในสถานศึกษาเนื่องจากสอดคล้องกับปีงบประมาณ รวมถึงด้านการเบิกจ่ายอาหารกลางวันอาหารเสริม (นม) และการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ
2. เป็นประโยชน์กับเด็กที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1-15 พฤษภาคม สามารถเข้าเรียนได้เลย ไม่ต้องรอเข้าเรียนในปีการศึกษาถัดไป
3. เพื่อให้สะดวกต่อการบริหารอัตรากำลัง เนื่องจากการเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน ซึ่งแต่เดิมกำหนดปิดภาคเรียนในวันที่ 11 ตุลาคม ส่งผลต่อการบริหารจัดการด้านอัตรากำลัง
4. เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปีของสถานศึกษา
5. เพื่อให้นักเรียนชั้น ม.3 และ ม.6 มีโอกาสแก้ผลการเรียนให้จบทันปีการศึกษา โดยการเปิดภาคเรียนในวันที่ 1 พฤษภาคม ทำให้นักเรียนที่มาแก้ผลการเรียนดำเนินการได้สะดวกกว่าการที่โรงเรียนเปิดวันที่ 16 พฤษภาคม
1. ควรนับวันครบอายุเข้าเรียนตามปี พ.ศ. เพื่อให้เข้าเรียนในระดับชั้นอนุบาล และระดับชั้นประถมศึกษาได้อย่างเหมาะสม
2. ควรกำหนดกรอบระยะเวลาเปิดภาคเรียนแบบยืดหยุ่นเพื่อให้สถานศึกษาบริหารจัดการตามบริบทและความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่
หากประกาศใช้ระเบียบใหม่ ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จะต้องปฏิบัติตาม ไม่ว่าจะเป็น สพฐ. อาชีวะศึกษา หรือกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ดังนั้นจึงต้องมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความรอบคอบมากที่สุด