เปิด 4 วิธีป้องกันลืมเด็กไว้ในรถ เรื่องที่ผู้ใหญ่ไม่ควรมองข้าม

31 ส.ค. 2565 | 18:00 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ก.ย. 2565 | 01:00 น.
1.1 k

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เปิด 4 วิธีป้องกันลืมเด็กไว้ในรถที่ไม่ควรมองข้าม เน้นย้ำ กฎเหล็กห้ามทิ้งเด็กไว้ในรถโดยลำพังอย่างเด็ดขาด  

จากข่าวกรณีเด็กติดอยู่ในรถแล้วเสียชีวิตนั้น ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้น นับเป็นการสูญเสียที่สามารถป้องกันได้ถ้าไม่ประมาท โดย ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก สสส.(สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ) : ThaiHealth เผยแพร่ข้อมูล ศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี Child Safety Promotion and Injury Prevention Research Center (CSIP) ที่เคยทำไว้เมื่อปี 2565

 

รศ.นพ. อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ หัวหน้าศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มีคำแนะนำสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองในการป้องกัน ลืมเด็กไว้ในรถ 4 วิธี ดังนี้ 

1.ห้ามทิ้งเด็กไว้ในรถโดยลำพังเด็ดขาด

ไม่ว่าคุณจะต้องไปทำธุระนอกรถเร็วหรือช้า ควรนำเด็กลงจากรถไปด้วยทุกครั้ง แม้เด็กจะหลับอยู่ก็อย่ากังวลว่า จะเป็นการปลุกลูก กลัวลูกงอแง

แต่คุณต้องเอาลูกลงจากรถด้วยทุกครั้ง ไม่ใช่เพียงความปลอดภัยเท่านั้น แต่เป็นการฝึกให้ลูกได้เรียนรู้ว่า ทุกครั้งที่จอดรถ ลูกต้องลงจากรถ

 

2.แง้มหน้าต่างรถไว้แล้วปล่อยให้เด็กอยู่ในรถก็ไม่ได้

ด้วยความเข้าใจผิดๆ ที่ว่า การเปิดแง้มหน้าต่างไว้ในรถแล้วปล่อยให้เด็กอยู่ภายในจะทำให้เด็กไม่ขาดอากาศหายใจแล้วจะปลอดภัย 

แต่ความจริงแล้วเด็กเสียชีวิตเพราะความร้อนสูง ไม่ว่าจะจอดกลางแดดหรือในที่ร่ม แต่เนื่องจากสภาพอากาศร้อนในปัจจุบันเหมือนในช่วงนี้ ไม่กี่นาทีเด็กต้องแย่แน่ ๆ นี่ยังไม่นับรวมการปล่อยเด็กทิ้งไว้ในรถลำพังก็อาจถูกลักพาตัวได้เช่นกัน

3. กรณีที่ต้องให้ลูกติดรถไปกับผู้อื่น

หมั่นตรวจสอบด้วยการโทรศัพท์ไปสอบถามเป็นระยะว่า ตอนนี้อยู่ที่ไหนอย่างไร เพราะการที่ต้องฝากลูกไว้กับผู้อื่น ซึ่งต้องเข้าใจว่า เขาไม่ได้ดูแลลูกเราเป็นประจำ อาจทำให้หลงลืมหรือเผอเรอได้ และถ้าเป็นผู้ที่มีความใกล้ชิดกันก็ควรจะพูดกันอย่างตรงไปตรงมาว่าอยู่กับเด็กเล็กต้องระมัดระวังด้วย 

แต่ทางที่ดีไม่ควรปล่อยลูกวัยเด็กเล็กฝากไว้กับผู้อื่น ควรจะต้องมีพ่อแม่หรือคนในครอบครัวประกบเด็กเล็กด้วยทุกครั้ง

 

4. กรณีที่เป็นรถโรงเรียน

พ่อแม่ต้องมั่นใจก่อนว่า จะตัดสินใจใช้บริการรถโรงเรียนของโรงเรียนหรือไม่ ความจริงไม่อยากแนะนำให้ลูกวัยเด็กเล็กใช้บริการรถโรงเรียน แต่ก็เข้าใจดีว่าด้วยสภาพการจราจรและวิถีชีวิตอาจทำให้ต้องตัดสินใจใช้บริการรถโรงเรียน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถตู้ทึบ 

 

ฉะนั้น พ่อแม่ต้องดูถึงมาตรการความปลอดภัยของรถโรงเรียนด้วย ไม่ใช่ดูเฉพาะสภาพรถว่าเป็นอย่างไรเท่านั้น แต่ต้องดูถึงเรื่องผู้ที่ต้องเป็นคนไปรับส่งลูกว่ามีใครบ้าง คนขับรถเป็นอย่างไร

 

คนที่ติดรถเป็นคุณครูระดับปฐมวัย มีความเข้าใจเรื่องเด็กเล็กไหม เวลารับส่งเด็กขึ้นรถลงรถมีการเช็คชื่อเด็กหรือไม่ แล้วมาตรการของโรงเรียนเป็นอย่างไร เมื่อเด็กถึงโรงเรียนแล้วมีการดับเบิ้ลเช็คอีกครั้งหรือไม่

 

สิ่งที่ต้องตระหนักอย่างยิ่งก็คือ ผู้ที่ใกล้ชิดเด็กเล็กทั้งหลายต้องมีความระมัดระวังมากกว่าปกติหลายเท่า เพราะต้องคิดเสมอว่า เด็กเล็กยังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองเรื่องความปลอดภัยได้ เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ต้องไม่ประมาทแม้เพียงเสี้ยววินาที


เน้นย้ำว่า ผู้ปกครองห้ามทิ้งบุตรหลานไว้ในรถที่จอดกลางแจ้งอย่างเด็ดขาด ควรนำเด็กลงจากรถไปด้วยทุกครั้ง ไม่ควรเปิดแง้มหน้าต่างไว้แล้วปล่อยให้เด็กอยู่ภายใน เพราะการแง้มหน้าต่างรถไม่ได้ช่วยลดอุณหภูมิภายในรถ ซึ่งสาเหตุแท้จริงของเด็กเสียชีวิตไม่ได้มาจากขาดอากาศหายใจเพราะขณะที่การจอดรถในที่ร่ม เด็กก็อาจเสียชีวิตจากความร้อนที่สูงขึ้นได้เช่นกัน