สั่งผู้ว่าฯทั่ว ปท.สนับสนุนผู้ปกครองยากจนจัดหาชุดลูกเสือ-เนตรนารีให้ลูก

25 มิ.ย. 2565 | 16:50 น.
อัปเดตล่าสุด :25 มิ.ย. 2565 | 23:57 น.
4.5 k

ปลัดมหาดไทยสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ให้การสนับสนุนช่วยเหลือผู้ปกครองที่มีฐานะยากจนขัดสนและไม่สามารถจัดหาชุดลูกเสือและเนตรนารีให้ลูกใช้เรียนลูกเสือ-เนตรนารีได้ เพื่อสร้างความภาคภูมิใจและจิตวิญญาณลูกเสือไทยให้กับเด็กและเยาวชนทุกคน

วันนี้ (25 มิ.ย. 65) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองประธานกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2565 ที่กระทรวงศึกษาธิการ จัดโดยสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ ได้มีประเด็นการพิจารณาเรื่องภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองในช่วงสภาพการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่อาจส่งผลต่อการจัดหาชุดเครื่องแบบให้กับบุตรเพื่อใช้ในการเรียนลูกเสือ-เนตรนารี

สั่งผู้ว่าฯทั่ว ปท.สนับสนุนผู้ปกครองยากจนจัดหาชุดลูกเสือ-เนตรนารีให้ลูก

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การแต่งกายด้วยชุดลูกเสือและเนตรนารี เป็นการปลูกฝังความรัก ความภาคภูมิใจในความเป็นลูกเสือและเนตรนารีอีกทั้งชุดลูกเสือเป็น “เครื่องแบบพระราชทาน” จากพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชบิดาแห่งกิจการลูกเสือไทย
 

 

ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการปลูกฝังอุดมการณ์ลูกเสือและเนตรนารี จึงได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในฐานะประธานกรรมการศึกษาธิการจังหวัด ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และสถานศึกษา “หากพบว่าผู้ปกครองรายใดมีฐานะยากจนขัดสน ไม่สามารถดำเนินการจัดหาชุดลูกเสือและเนตรนารีให้แก่บุตรได้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดร่วมกับประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด ระดมสรรพกำลังภาคีเครือข่ายในพื้นที่จังหวัด ให้การสนับสนุนช่วยเหลือ จัดหาชุดเครื่องแบบลูกเสือ-เนตรนารีให้กับนักเรียนรายนั้น ๆ โดยหากเกินความสามารถของจังหวัด ขอให้ได้แจ้งมาที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยทราบ เพื่อระดมสรรพกำลังในส่วนกลางพิจารณาให้การสนับสนุนต่อไป

“วิชาลูกเสือ-เนตรนารี เป็นวิชาพื้นฐานที่สำคัญในการปลูกฝังอุดมการณ์ความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อันเป็นสถาบันหลักของชาติที่หลอมรวมความเป็นชาติไทย ความสมัครสมานสามัคคี ซึ่งเป็นคุณธรรมขั้นพื้นฐานที่สำคัญในการหล่อหลอมให้คนในชาติมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และทำให้บ้านเมืองมีความเจริญรุ่งเรือง รอดพ้นจากเภทภัยทั้งปวง ทั้งยังก่อให้เกิดพลังในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ และเมื่อสังคมปราศจากความขัดแย้ง ก็จะเกิดความสงบสุข มีความสามัคคี รักใคร่ กลมเกลียว อันนำไปสู่ความผาสุกในสังคมไทยอย่างยั่งยืน” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้าย