สธ. เข้ม "ฝีดาษลิง" คัดกรองผู้ป่วยใน ร.พ.- คลินิกเฉพาะ-สนามบินนานาชาติ

23 มิ.ย. 2565 | 10:12 น.
อัปเดตล่าสุด :23 มิ.ย. 2565 | 17:21 น.
1.1 k

สธ.เฝ้าระวังโรคฝีดาษลิงเข้มข้น เน้นย้ำมาตรการเฝ้าระวังคัดกรองผู้ป่วยในโรงพยาบาล คลินิกเฉพาะ สนามบินนานาชาติ ขณะที่ไทย ยังไม่พบผู้ป่วยยืนยัน แต่พบผู้ป่วยสงสัยทั้งหมด 10 ราย ส่วนใหญ่ติดเชื้อไวรัสเริม

สถานการณ์ “ฝีดาษลิง” หรือ "ฝีดาษวานนร"  ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุข  โดยนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า กระทรวงสาธารณสุขเน้นย้ำมาตรการเฝ้าระวังคัดกรองผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรอย่างเข้มข้น ทั้งในสนามบินนานาชาติ โรงพยาบาล และคลินิกเฉพาะ

สำหรับสถานการณ์โรคฝีดาษลิงในประเทศไทย ขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยยืนยัน แต่ได้รับรายงานจากด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ และจากโรงพยาบาลทั้งภาครัฐ และเอกชน พบผู้ป่วยสงสัย รวม 10 ราย ทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติ และตรวจไม่พบเชื้อฝีดาษลิง

ในจำนวนนี้ 6 ราย ได้รับการยืนยันการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ผลพบเชื้อไวรัสเริม (Herpes Simplex Virus type 1) และทั้ง 6 ราย มีประวัติเชื่อมโยงกับการซ้อมมวยในสนามฝึกซ้อมมวยที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาใช้บริการจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต และกระบี่ และอีก 4 ราย เป็นโรคติดเชื้อที่ผิวหนัง

 

ซึ่งหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ได้ประสานให้คำแนะนำสนามฝึกซ้อมมวยที่พบผู้ป่วยทุกแห่ง ให้ทำความสะอาดฆ่าเชื้ออุปกรณ์ฝึกซ้อมและสถานที่เป็นประจำ หากผู้ที่มาฝึกซ้อมมวยมีอาการป่วย โดยเฉพาะมีผื่น หรือตุ่มน้ำ หรือตุ่มหนอง ให้รีบไปพบแพทย์และแจ้งประวัติการเดินทางและร่วมกิจกรรมเสี่ยง รวมถึงเน้นย้ำให้บุคลากรทาง การแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขช่วยกันเฝ้าระวังการระบาดของโรคไวรัสเริม หรือ Herpes Simplex Virus ในพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว

 

นายแพทย์จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า การสอบสวนโรคเบื้องต้นสำหรับผู้ป่วยสงสัยรายล่าสุด ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข กรมควบคุมโรค กรณีฝีดาษวานร ได้รับรายงานจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 65 พบผู้ป่วยสงสัย เพศชาย อายุ 21 ปี อาชีพนักมวย ชาวออสเตรเลีย มาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 65 มีประวัติได้ไปซ้อมมวยที่สนามฝึกซ้อมมวยแห่งหนึ่ง ในจังหวัดปทุมธานี เริ่มมีไข้ ไอ เจ็บคอ และเริ่มมีผื่นแดง ตุ่มน้ำ ตุ่มหนอง บริเวณใบหน้า ลำคอ และแขน ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ยืนยันตรวจไม่พบเชื้อฝีดาษวานร

 

ทั้งนี้กำลังเร่งตรวจหาสาเหตุของโรค และกล่าวเน้นย้ำว่า โรคฝีดาษวานรติดต่อได้ยากกว่าโรคโควิด 19 เพราะต้องมีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยระยะแพร่เชื้อ ซึ่งเป็นระยะที่ปรากฏอาการแล้ว เช่น มีไข้ ตุ่มหนองตามผิวหนัง