อย่าเชื่อ อย่าแชร์ ข่าวปลอมออมสินเปิดเพจเฟซบุ๊ก สินเชื่อกู้เงินฉุกเฉิน

28 พ.ค. 2565 | 16:43 น.
อัปเดตล่าสุด :28 พ.ค. 2565 | 23:52 น.

ธนาคารออมสิน ชี้แจงไม่ได้เปิดเพจเฟซบุ๊ก สินเชื่อกู้เงินฉุกเฉิน แถมนำตราสัญลักษณ์ของธนาคารไปใช้ในเพจก็มิได้ขออนุญาตจากธนาคารแต่อย่างใด

วันที่ 28 พ.ค. 65 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันว่าเป็นข่าวปลอม เพิ่มเติม 1 กรณีคือ กรณีที่มีการเผยแพร่ข้อความเกี่ยวกับประเด็นเรื่องธนาคารออมสินเปิดเพจเฟซบุ๊ก สินเชื่อกู้เงินฉุกเฉิน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับธนาคารออมสิน กระทรวงการคลัง พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

 

อย่าเชื่อ อย่าแชร์ ข่าวปลอมออมสินเปิดเพจเฟซบุ๊ก สินเชื่อกู้เงินฉุกเฉิน

จากกรณีที่มีการโพสต์ในเฟซบุ๊กโดยระบุว่าธนาคารออมสินเปิดเพจเฟซบุ๊ก สินเชื่อกู้เงินฉุกเฉิน ทางธนาคารออมสิน กระทรวงการคลัง ได้ตรวจสอบและชี้แจงว่าธนาคารไม่ได้เปิดเพจเฟซบุ๊กดังกล่าว และไม่มีความเกี่ยวข้องกับธนาคารออมสิน อีกทั้งการตัดต่อภาพและนำตราสัญลักษณ์ของธนาคารไปใช้ในเพจก็มิได้ขออนุญาตจากธนาคารแต่อย่างใด

 

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากธนาคารออมสิน สามารถติดตามได้ที่เฟซบุ๊ก ธนาคารออมสิน GSB Society หรือ โทร 1115

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ธนาคารไม่ได้เปิดเพจเฟซบุ๊กดังกล่าว และไม่มีความเกี่ยวข้องกับธนาคารออมสิน อีกทั้งการตัดต่อภาพและนำตราสัญลักษณ์ของธนาคารไปใช้ในเพจก็มิได้ขออนุญาตจากธนาคารแต่อย่างใด

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป

 

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน 5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com , เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”