ลองโควิดอันตรายไหม มีสาเหตุจากอะไร อาการแบบไหนพบบ่อย กลุ่มใดเสี่ยง อ่านเลย

25 เม.ย. 2565 | 03:11 น.
อัปเดตล่าสุด :25 เม.ย. 2565 | 05:31 น.
4.8 k

ลองโควิดอันตรายไหม มีสาเหตุจากอะไร อาการแบบไหนพบบ่อย กลุ่มใดเสี่ยง อ่านเลยที่นี่มีคำตอบ ฐานเศรษฐกิจรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องไว้ให้แล้ว

ลองโควิดอันตรายไหม เป็นคำถามที่กำลังได้รับความสนใจบนโลกออนไลน์  เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 (Covid-19) สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก

 

"ฐานเศรษฐกิจ" ดำเนินการสืบค้นข้อมูล เพื่อหาคำตอบเรื่องดังกล่าว พบว่า

 

หลังหายจากการติดเชื้อโควิด-19 มีโอกาสที่เราจะต้องประสบกับอาการ Long COVID (ลองโควิด) ที่ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงเท่าเดิม แถมบางคนอาจยังมีอาการป่วยไม่ต่างกับตอนติดเชื้ออยู่เลย โดยเฉพาะความผิดปกติของปอด และหัวใจ  ที่ทำงานได้ไม่ดีเหมือนก่อน

 

ทั้งนี้ ลองโควิด คือ อาการทางร่างกายและทางจิตใจ ที่หลงเหลืออยู่หลังหายจากการติดเชื้อโควิด-19 อาจเป็นผลกระทบทางตรงจากร่องรอยของโรค หรือเป็นผลกระทบทางอ้อมที่มาจากช่วงที่เคยติดเชื้อก็ได้ ทั้งนี้ ลักษณะอาการอาจคล้าย หรือแตกต่างกันกับอาการในช่วงที่ติดโควิด-19

 

อาการของ Long COVID ที่พบบ่อย องค์การอนามัยโลก (WHO) ให้ข้อมูลว่าอาการ Long COVID มีความเป็นไปได้ที่หลากหลายมาก มีทั้งอาการที่คล้ายกับตอนเป็นโควิด-19 และอาการที่ดูไม่เกี่ยวข้องกันเลย 
 

อย่างไรก็ดี มีลักษณะอาการร่วมที่พบได้บ่อยที่สามารถนำมาสรุป  ได้แก่

 

  • อาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย 
  • มีอาการหายใจถี่ หรือหายใจไม่ทัน หอบเหนื่อย
  • ใจสั่น รู้สึกแน่นหรืออึดอัดบริเวณหน้าอก
  • ความจำสั้น สมาธิสั้น หรือรู้สึกสมองล้า
  • มีไข้ ไอ ปวดหัว เจ็บคอ
  • มีการรับรสหรือได้กลิ่นน้อยลง
  • ปวดตามข้อต่อต่าง ๆ
  • นอนไม่หลับ หลับยาก
  • เวียนศีรษะ
  • ปวดท้อง ท้องเสีย ไม่อยากอาหาร
  • มีผื่นขึ้นตามตัว
  • อาจมีภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวล

 

ลองโควิดอันตรายไหม มีสาเหตุจากอะไร

 

สำหรับสาเหตุของอาการ Long COVID  นั้นยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน โดยมีข้อสันนิษฐานต่าง ๆ ดังนี้

 

เชื้อโควิด-19 อาจทิ้งร่องรอยความเสียหายในอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้อวัยวะที่เกิดความเสียหายนั้นไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ หากเกิดความเสียหายที่บางส่วนของสมอง อาจเกิดภาวะสมองล้า (Brain Fog Syndrome) หรือหากมีความเสียหายที่ปอด ก็จะทำให้เกิดความผิดปกติเวลาหายใจ เช่น หายใจถี่ เหนื่อยหอบง่าย เป็นต้น
 

การทำงานของภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติไป ซึ่งอาจเกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงดีมาก กลายเป็นว่าเมื่อหายจากโควิด-19 แล้ว ภูมิคุ้มกันอาจหันมาทำลายเซลล์ในร่างกายของเราเองยังหลงเหลือชิ้นส่วนของไวรัสโควิด-19 ในร่างกาย ซึ่งอาจเป็นชิ้นส่วนที่ไม่ทำงานแล้ว หรือยังทำงานได้อยู่ เป็นผลไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันของเราให้ต่อต้าน จนมีอาการป่วยเกิดขึ้น


อย่างไรก็ดี อาการ ลองโควิด มีโอกาสเกิดขึ้นได้ประมาณ 30-50% ของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่รักษาหายแล้ว อาจเกิดหลังจากที่ได้รับเชื้อมาแล้ว 4-12 สัปดาห์ขึ้นไป มีรายงานว่าพบผู้ป่วย Long covid ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย (โดยเฉพาะในวัยทำงาน)

 

กลุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดภาวะดังกล่าว ได้แก่ ผู้ป่วยที่เคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแล้ว (ผู้ป่วยสีเหลืองไปจนถึงสีแดง) โดยเฉพาะในกรณีที่เชื้อลงปอดแล้วเกิดภาวะปอดอักเสบรุนแรง เนื่องจากจะเกิดรอยโรคที่มีในปอดได้มากกว่า และใช้ระยะเวลาฟื้นตัวนานกว่า

 

นอกจากนี้ อีกกลุ่มที่ควรเฝ้าระวัง เพราะมีโอกาสได้รับผลกระทบของโรคที่รุนแรงและฟื้นตัวได้ยากกว่า คือ กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ที่มีภาวะอ้วน ผู้ป่วยโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคเบาหวาน รวมถึงกลุ่มผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันต่ำ 

 

อย่างไรก็ดี มีรายงานผู้ป่วยที่ไม่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง แต่ก็ยังมีอาการ Long COVID ได้ ดังนั้น แม้จะไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง แต่การไม่ประมาทไว้ก่อน จะช่วยลดโอกาสติดเชื้อและลดโอกาสที่จะเป็น Long COVID ที่ดีที่สุด

 

ลองโควิดอันตรายไหม มีสาเหตุจากอะไร

 

ในเด็กหลังติดโควิด อาจพบภาวะแทรกซ้อนรุนแรง ที่เรียกว่า MIS-C
Multisystem inflammatory syndrome in children (MIS-C) ซึ่งเป็นภาวะหลังจากที่เด็กติดโควิดแล้วมีเกิดอาการอักเสบของอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันที่สูงผิดปกติ อาจมีอาการคล้ายโรคคาวะซากิ เช่น มีไข้สูง ผื่น ตาแดง ปากแดง ซึ่งอาจมีอาการรุนแรงต้องเข้ารับการรักษาในไอซียู หรือมีภาวะแทรกซ้อนทำให้เสียชีวิตได้

 

แนวทางเบื้องต้นที่ควรทำเพื่อลดความเสี่ยง ทั้งจากภาวะรุนแรงของโรค และจาก Long COVID ได้แก่

 

  • ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุด
  • หากมีโรคประจำตัว พยายามดูแลตนเอง และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ให้อาการของโรคอยู่ในระดับที่ควบคุมได้
  • รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสม แล้วหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ ช่วงเวลาดังกล่าวอาจไม่เหมาะกับการออกกำลังกายข้างนอก ก็สามารถออกกำลังกายด้วยท่าง่าย ๆ ในบ้านก็ได้
  • กรณีที่น้ำหนักเกิน ควรคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม หรือปรึกษาแพทย์
  • รักษาภาวะจิตใจให้สดชื่น แจ่มใส ไม่เครียด ไม่วิตกกังวลหรือแพนิค พยายามตรวจสอบภาวะจิตใจของตัวเองเพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะเข้ามา

 

หากทราบว่าตนได้รับเชื้อโควิด-19 ให้แจ้งสถานพยาบาลในพื้นที่ทราบโดยเร็วที่สุด เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป

 

ที่มา : พญ.รับพร ทักษิณวราจาร ศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลพระราม 9