ดีอีเอส สรุปสถานการณ์ข่าวปลอมสัปดาห์นี้คนสนใจประเด็นศก.-สุขภาพ

19 มี.ค. 2565 | 13:33 น.
อัปเดตล่าสุด :19 มี.ค. 2565 | 20:43 น.

ดีอีเอส สรุปผลการมอนิเตอร์สถานการณ์รอบสัปดาห์ ของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม พบ 10 อันดับข่าวที่ได้รับความสนใจมากสุด เกาะกลุ่มประเด็นเศรษฐกิจปากท้องและสุขภาพ

นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า ผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมประจำสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 11-17 มี.ค. 65 โดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม คัดกรองแล้วพบว่า 


มีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) จำนวน 230 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ 113 เรื่อง โดยเป็นสัดส่วนในกลุ่มนโยบายรัฐบาล /ข่าวสารทางราชการถึง 71 เรื่อง ซึ่งบางข่าวมีประเด็นคาบเกี่ยวกับเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน ทำให้ได้รับความสนใจค่อนข้างมาก

โดยจากข้อมูลเชิงลึก (Insight) พบว่าข่าวที่มีคนสนใจสูงสุด 10 อันดับแรกในรอบสัปดาห์ จำกัดวงอยู่ที่ประเด็นเศรษฐกิจปากท้อง และข่าวกลุ่มสุขภาพ ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน  ได้แก่ อันดับ 1 น้ำมันมะพร้าวผสมไข่แดง ลูกหมากสด สารส้มสตุ ช่วยรักษาแผลเบาหวานให้หายสนิท อันดับ 2 งดใช้ตู้ ATM กรุงไทยทุกตู้ ที่ไม่มีไฟกะพริบตรงที่เสียบบัตร 


อันดับ 3 ธ. ออมสินส่ง SMS ให้ประชาชนที่ได้รับข้อความสามารถยื่นขอสินเชื่อ GSB ดอกเบี้ยต่ำเป็นสิทธิ์พิเศษ อันดับ 4 ธ.ออมสินปล่อยสินเชื่อตามนโยบายรัฐ ให้กู้ยืม 100,000 บาท ดอกเบี้ย 0.75% ผ่อนนาน 5 ปี 

อันดับ 5 กรมราชทัณฑ์ ปล่อยนักโทษ 38,000 คน เนื่องในวโรกาสสำคัญต่างๆ อันดับ 6 เล่นมือถือนาน ๆ ทำให้หน้าเบี้ยวผิดรูป อันดับ 7 ธ.กรุงไทย ปล่อยสินเชื่อประชาชนสุขใจ วงเงินสูงสุด 200,000 บาท อนุมัติภายใน 30 นาที อันดับ 8 ผลิตภัณฑ์ D-POT ดีท็อกซ์ปอด ต้านไวรัสและแบคทีเรีย อันดับ 9 น้ำต้มปูแสม ช่วยรักษาโรคลมบ้าหมู และอันดับ 10 ริดสีดวงเป็นสัญญาณเตือนของมะเร็งลำไส้ใหญ่

 

“ประชาชนต้องรู้เท่าทันข่าวปลอม และมีความรอบคอบในการบริโภคข้อมูลข่าวสารที่ถูกส่งต่อกันมาทางโซเชียล เพราะผู้ไม่หวังดีจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ความสนใจของประชาชนหมู่มาก สร้างข่าวปลอมหรือบิดเบือนข้อมูลข่าวสารล่อลวงให้คนหลงเชื่อ 


ดังนั้น เมื่อได้รับข่าวสารข้อมูลควรตรวจสอบให้รอบด้าน เลือกเชื่อ เลือกแชร์ และสามารถติดตามและแจ้งเบาะแสข่าวปลอม ได้ผ่านช่องทางต่างๆ ของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ดังนี้ ไลน์ @antifakenewscenter  เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com/ ทวิตเตอร์ https://twitter.com/AFNCThailand และช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87” นางสาวนพวรรณกล่าว