ราคาน้ำมันดิบขึ้นต่อ หลังสหรัฐ-ยุโรปพิจารณาสั่งห้ามนำเข้าน้ำมันรัสเซีย

08 มี.ค. 2565 | 08:43 น.
อัปเดตล่าสุด :08 มี.ค. 2565 | 15:50 น.

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ หลังสหรัฐและยุโรปพิจารณาสั่งห้ามการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า หากการส่งออกน้ำมันดิบจากรัสเซียถูกตัดออกไป จะมีการขาดแคลนน้ำมันสูงถึง 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน 8 มีนาคม 2565 

 

ราคาน้ำมันดิบขึ้นต่อ หลังสหรัฐ-ยุโรปพิจารณาสั่งห้ามนำเข้าน้ำมันรัสเซีย

 

+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2008 หลังสหรัฐและยุโรปพิจารณาสั่งห้ามการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า หากการส่งออกน้ำมันดิบจากรัสเซียถูกตัดออกไป จะมีการขาดแคลนน้ำมันสูงถึง 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงถึง 200 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลได้ เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก ที่มีปริมาณการส่งออกคิดเป็น 7% ของอุปทานทั่วโลก อย่างไรก็ดี หลายประเทศในยุโรปมีท่าทีไม่เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว โดยเฉพาะเยอรมนี

- ขณะเดียวกัน นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย แถลงว่า พร้อมยุติปฏิบัติการทางทหาร ถ้ายูเครนทำตามข้อตกลงทั้ง 4 ข้อ ซึ่งข้อตกลงนี้ ถูกเปิดเผยช่วงที่รัสเซียและยูเครนได้มีการเจรจากันที่กรุงมินสก์ โดยทางฝั่งยูเครนกล่าวว่า มีการเจรจามีการพัฒนาดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงที่จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้

 

+/- สหรัฐฯ และเวเนซุเอลาได้หารือถึงความเป็นไปได้ที่จะผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันต่อเวเนซุเอลา แต่การเจรจานั้นมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย ขณะเดียวกัน แหล่งน้ำมัน West Qurna 2 ในอิรักจะกลับมาดำเนินการในวันนี้และการผลิตจะค่อยๆเพิ่มขึ้นจนแตะระดับปกติที่ 4 แสนบาร์เรลต่อวัน

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากการคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในอินโดนีเซียและมาเลเซีย ส่งผลให้ดัชนีการขับขี่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในเดือนมี.ค. 65

 

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ  หลังได้รับแรงหนุนจากสงครามที่ทวีความรุนแรงขึ้นในยูเครน ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลฝั่งตะวันตกจะสั่งห้ามการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย อย่างไรก็ดี ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากปริมาณการส่งออกจากจีนที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

 

ที่มา : บมจ.ไทยออยล์