วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 วันนี้มีความคืบหน้าเกี่ยวกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน ประจำปี 2565 โดยประชาชนที่สนใจจะสมัครเพื่อรับรัฐสวัสดิการดังกล่าวนี้ สามารถตรวจสอบข้อมูล เงื่อนไขที่อัพเดทได้ดังต่อไปนี้
ชื่อโครงการ
- โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565
กลุ่มเป้าหมาย
- ประชาชนผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ประมาณ 20 ล้านคน (ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ เดิมและผู้เข้าข่ายได้รับสิทธิรายใหม่)
เริ่มใช้สิทธิ
- คาดว่าจะสามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65
คุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 มีดังนี้
- ผู้ที่มีสัญชาติไทย อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ต้องไม่เป็นภิกษุ ผู้ต้องขัง บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ ข้าราชการ พนักงานราชการ ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐที่ได้รับค่าตอบแทนจากหน่วยงานของรัฐ
- รายได้ของผู้ลงทะเบียนไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี และรายได้เฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี และผู้ลงทะเบียนจะต้องไม่มีวงเงินกู้ หรือมีวงเงินกู้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง แต่ไม่เกินหลักเกณฑ์ เช่น วงเงินกู้สำหรับที่อยู่อาศัยรวมไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และวงเงินกู้สำหรับยานพาหนะรวมไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็นต้น
- ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ คกกฯกำหนด
เงื่อนไขที่มีการปรับเปลี่ยนจากเดิม
- เปิดรับลงทะเบียนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และจะมีการดำเนินการตรวจสอบ คุณสมบัติและตรวจสอบข้อมูลของผู้ลงทะเบียน อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
- ผู้ได้รับสิทธิในปี 2565 สามารถใช้บัตรประจำตัวประชาชนแทนบัตร สวัสดิการฯ เนื่องจากบัตรสวัสดิการฯ ที่เริ่มใช้งานตั้งแต่เดือน ต.ค. 2560 มีอายุการใช้งาน 5 ปี และจะหมดอายุในเดือน ก.ย. 2565
ส่วนผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจนอยู่แล้ว ในวันนี้ ทางกรมบัญชีกลางก็เริ่มจ่ายวงเงินประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ให้ โดยจะจ่ายค่าอะไรบ้าง ตรวจสอบรายละเอียดดังนี้
ทุกวันที่ 1 ของเดือน
- วงเงินซื้อสินค้า200/300 บาทต่อเดือน
- โครงการเพิ่มกำลังซื้อ ตามมติ ครม.เพิ่มให้อีก 200 บาท 3 เดือน (ก.พ.-เม.ย. 65)
- ส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 45 บาทต่อ 3 เดือน
- บขส. 500 บาทต่อเดือน
- รถไฟ 500 บาทต่อเดือน
- รถไฟฟ้า (MRT/BTS/ARL) / ขสมก. 500 บาทต่อเดือน
- ถอนเป็นเงินสดไม่ได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป
ทุกวันที่ 18 ของเดือน
- เงินคืนค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน
- เงินคืนค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน
- สำหรับผู้ถือบัตรฯ ที่ใช้น้ำประปาไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน จะได้รับเงินคืนค่าน้ำประปาไม่เกิน 100 บาท ส่วนที่เกินจาก 100 บาท ผู้ถือบัตรฯ เป็นผู้ชำระเอง
- สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้
ทุกวันที่ 22 ของเดือน
- เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน
- สำหรับผู้ถือบัตรฯ ที่มีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเงินเบี้ยความพิการ
- สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้