“อนุทิน” เพิ่มจุดตรวจโควิดเชิงรุก“ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ” เป้าพันคน/วัน

09 ม.ค. 2565 | 13:29 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ม.ค. 2565 | 20:36 น.

“อนุทิน” เน้นตรวจเร็ว รู้เร็ว นำผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบรักษาให้ไว สั่งสปสช.จับมือพันธมิตรเปิดจุดตรวจโควิดเชิงรุก รู้ผลเร็วใน 30 นาที ที่ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ เริ่ม 11-21 ม.ค.นี้ พร้อมเป้าตรวจวันละ 1,000 คน

9 ม.ค.64 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง มาตรการรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กลับมาอีกครั้งหลังเทศกาลปีใหม่ว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ยอดการเสียชีวิตยังคงที่ ซึ่งสะท้อนว่าวัคซีนที่นำมาฉีดให้ประชาชนมีประสิทธิภาพป้องกันการป่วยหนักและป้องกันการเสียชีวิต ท่ามกลางสภาวะดังกล่าว ตนได้มอบให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ประสานงานคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล เพิ่ม จุดตรวจโควิด-19 เชิงรุก เพื่อสนับสนุนกรุงเทพมหานครและเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน

 

จุดตรวจโควิด-19 เชิงรุกดังกล่าวจะเริ่มตรวจตั้งแต่วันที่ 11-21 ม.ค. 2565 เป็นต้นไป ตั้งเป้าตรวจวันละ 1,000 คน โลเกชันจุดตรวจ คือ ลานจอดรถชั้น 1 อาคารบี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถ.แจ้งวัฒนะ โดยจะเป็นความร่วมมือระหว่างสปสช. กับคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นผู้ตรวจ และบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.)

นายอนุทิน ชาญวีรกูล

“การตรวจหาเชื้อโควิดดังกล่าว จะใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit หรือ ATK ที่ขึ้นทะเบียนแบบใช้โดยผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ (Professional Use) และจะทราบผลตรวจภายใน 30 นาที โดยหากปรากฏว่าผลตรวจเป็นบวกหรือติดเชื้อก็จะเข้าสู่กระบวนการรักษาที่บ้าน (Home Isolation) หรือในระบบชุมชน (Community Isolation) จากนั้น จะเป็นการพิจารณาของแพทย์ผู้รักษา หากมีอาการมากขึ้น จะให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลสนาม จนถึงโรงพยาบาลทั่วๆไป ที่มีเครื่องมือพร้อม เรามีระบบที่พัฒนาขึ้นมาจากองค์ความรู้และประสบการณ์ ซึ่งเราจะทำทุกวิถีทาง เพื่อลดการสูญเสียให้ได้มากที่สุด ”นายอนุทิน กล่าว

 

นอกจากนี้ ยังเปิดเผยว่า ที่ผ่านมา การฉีดวัคซีนสามารถทำได้ตามเป้า และประชาชนโดยภาพรวมก็ช่วยกันระมัดระวัง ถือว่าได้ช่วยกันประคองสถานการณ์ ซึ่งตนต้องขอขอบคุณความร่วมมือที่เกิดขึ้น ส่วนผู้ที่ถึงคิวรับวัคซีนเข็ม 3 แล้วก็ขอให้มารับบริการได้ทันที

 

อย่างไรก็ตาม อย่ามองว่าเชื้อโอมิครอนไม่รุนแรง เพราะในประเทศไทยยังพบการระบาดของเชื้อสายพันธุ์เดลต้าอยู่ หากในวันนี้ประชาชนตื่นตัวกันมากในเรื่องของการตรวจคัดกรองหาเชื้อ ก็จะเป็นเรื่องที่ดีที่คนไทยไม่ละเลย ทั้งนี้ เพราะการรู้ตัวเร็วว่าติดเชื้อ ก็จะช่วยให้สามารถระมัดระวังตัวเองเร็วขึ้น สามารถเข้าสู่ระบบรักษาได้เร็ว และทำให้การควบคุมโรคในภาพรวมมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น