กันโควิดเต็มรูปแบบต้องฉีดวัคซีน 3 เข็ม หมอนิธิแนะไทยเร่งฉีดทุกกลุ่ม

02 ธ.ค. 2564 | 09:24 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ธ.ค. 2564 | 16:24 น.

หมอนิธิเผยข้อมูลระดับโลกการป้องกันโควิด-19 เต็มรูปแบบต้องฉีดวัตคซีน 3 เข็ม แนะไทยเร่งกระตุ้นพร้อมฉีดเข็ม 1 และ 2 ในผู้ที่ยังไม่เคยฉีดทุกกลุ่ม

รายงานข่าวระบุว่า ศาสตราจารย์ นพ.นิธิ มหานนท์ ผอ.โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โพสต์เฟซบุ๊ก Nithi Mahanonda โดยระบุข้อความว่า 
กี่เข็มถึงจะพอ
Two is Too Many, Three is Not Enough
ยามที่เราเฝ้าจ้องระวังข่าวเจ้าตัวกลายพันธุ์ใหม่ของโควิด-19 (covid-19) Omicron (โอไมครอน) ซึ่งจนถึงวันนี้รู้แค่ว่ามันแพร่ได้ง่าย คงต้องใช้เวลาอีก 2-3 อาทิตย์ ถึงจะรู้ชัดว่า 
1.มันทำให้เกิดโรครุนแรงไหม 
2.มันหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่ได้จากวัคซีนที่มีใช้กันอยู่ไหม ระดับภูมิคุ้มกันที่สูงขึ้นหรือระดับความจำภูมิคุ้มกันจะช่วยได้หรือไม่ 
3.มันสามารถถูกตรวจพบได้ง่าย ไว และแม่นยำด้วยวิธีตรวจเดิมๆโดยเฉพาะ ATK หรือไม่ 

ทั้งหมดข้างต้นตามที่ติดตามนักวิจัย บริษัทผลิตวัคซีนทั่วโลกเขากำลังศึกษากันอย่างเร่งรีบ และคงใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 อาทิตย์จากนี้ไป(ซึ่งนับว่าเร็วแล้ว) แต่ที่แน่นอนในขณะนี้ที่ควรเร่งและทำอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยด้วยคือการฉีดวัคซีนกระตุ้นเป็นเข็มที่ 3 และให้เข็ม 1 และ 2 ในคนที่ยังไม่เคยได้ในทุกกลุ่ม ทุกอายุ(การกลายพันธุ์ของ Omicron เป็นตัวอย่างที่ดีให้เห็นว่าเจ้าโควิด-19 มันไปแอบ กลายพันธุ์ในกลุ่มประชากรของโลกที่ไม่ได้วัคซีนอยู่ตั้งหลายเดือนก่อนออกมาสู่โลกภายนอก)
ในสถานการณ์ที่เชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ตลอดเวลาและแนวโน้มการระบาดใหญ่ไม่ได้เบาบางลง การฉีดเข็มกระตุ้นเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ที่อาจระบาดรุนแรงขึ้นมาอีกและอาจจำเป็นต้องทำซ้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันโรค ซึ่งหมายความว่า 2 โดสแรกคงยังไม่พอ แต่เราจะต้องฉีดเข็มกระตุ้นอย่างไร กี่เข็ม เมื่อไหร่และขนาดเท่าใด

ฉีดวัคซีนโควิดกี่เข็มถึงจะพอ

แม้จะยังไม่อาจสรุปได้ว่าจำเป็นต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นสำหรับโรคโควิด-19 ไปตลอดหรือไม่ ดร.นพ.แอนโธนี เฟาชี่ (Anthony Fauci) ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ ยืนยันว่า การป้องกันโรคนี้อย่างเต็มรูปแบบจะต้องได้รับวัคซีนถึง 3 โดส ซึ่งปัจจุบันมีการรณรงค์ ให้ฉีดเข็มกระตุ้นในผู้ที่รับวัคซีนปฐมภูมิครบตามระยะเวลาที่เหมาะสมระหว่าง 3-6 เดือน (แล้วแต่ชนิดวัคซีนที่ได้ก่อนหน้าและความรุนแรงการระบาด)

การได้รับวัคซีนปฐมภูมิ 2 โดสที่ฉีดห่างกันเพียง 3-4 สัปดาห์นั้นไม่อาจสร้างภูมิคุ้มกันที่ยืนยาวได้ การกระชับช่วงเวลาการฉีดระหว่าง 2 โดสแรก เนื่องมาจากในช่วงแรกนั้นอยู่ในภาวะวิกฤตที่ต้อง ควบคุมการระบาดใหญ่ให้สงบลงเร็ว(วัคซีนอื่นๆที่มีใช้มาก่อนหน้านี้ส่วนมากแล้วการฉีดชุดแรกใช้สามเข็มและกระตุ้นอีกเมื่อมีความเสี่ยง) แต่อาจส่งผลต่อการตอบสนองและการป้องกันของแอนติบอดี และทำให้ฤทธิ์ของวัคซีน(สองเข็มแรก)อยู่ได้ไม่นานและไม่พอ
การกำหนดช่วงเวลาการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้เหมาะสมจึงเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่ง การศึกษาพบว่าการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันจะสูงขึ้นและเร็วขึ้นหลังจากฉีดวัคซีน mRNA เข็มที่ 3 หลังจากได้รับเข็มที่ 2 แล้ว 8 เดือน เมื่อเทียบกับการฉีดเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรกเพียงไม่กี่สัปดาห์ นอกจากนั้น การตรวจระดับภูมิก็ไม่สามารถใช้เป็นหลักในการกำหนด ระยะการฉีดหรือ อายุของ ภูมิคุ้มกันในร่างกายของแต่ละคนได้เช่นกัน
เนื่องจากวิธีตรวจภูมิที่ใช้กันอยู่ไม่สามารถระบุระดับการป้องกันโรคได้อย่างครอบคลุม ในขณะที่ระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์นั้นมีการป้องกันหลายชั้น เมื่อร่างการติดเชื้อ เซลล์เม็ดเลือดขาวที่เรียกว่าที เซลล์และบี เซลล์จะทำหน้าที่ตรวจจับและกำจัดเชื้อตลอดจนเซลล์ที่ติดเชื้อ และสามารถคงอยู่ในเลือดได้นานหลายปี พร้อมที่จะเสริมการป้องกันอื่นๆ ที่มีอยู่ และสามารถจดจำหากเชื้อโรคปรากฏหรือเกิดซ้ำ
ผลการศึกษาของศ.ดร.นพ.โจวานนา บอสเซลิโน (Giovanna Borselino) นักอิมมูโนโลหิตวิทยาแห่งมูลนิธิซานต้า ลูเชีย ในกรุงโรมและคณะ โดยติดตามการทำงานของที เซลล์และการตอบสนองของแอนติบอดีต่อโปรตีนส่วนหนามของเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ในบุคลากรทางการแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ 71 รายที่สุขภาพดี หลังจากได้รับวัคซีน BNT162b2 (Pfizer-BioNTech) เข็มแรกเป็นเวลา 6 เดือน พบว่าการฉีดวัคซีนสามารถกระตุ้นการตอบ สนองของที เซลล์อย่างยั่งยืน และการได้รับวัคซีนตามเกณฑ์จะทำให้การตอบสนองของเซลล์ ภูมิคุ้มกันอยู่นานกว่า 6 เดือน การจัดระยะในการฉีดวัคซีนปฐมภูมิและเข็มกระตุ้นภูมิให้เหมาะสม จึงเป็นวิธีการรักษาประสิทธิภาพของวัคซีนได้ดีที่สุด 
ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนประเภทใดก็สามารถใช้กระตุ้นภูมิได้เหมือนกันหมด มีข้อแตกต่างเพียงว่าถ้าเป็นวัคซีนเชื้อตายเช่นซิโนแวคและซิโนฟาร์ม จะมีอาการข้างเคียงน้อยกว่าและเบากว่า วัคซีน mRNA เช่น ไฟเซอร์ หรือ โมเดอร์นา และ วัคซีนไวรัลเวคเตอร์เช่น จอห์นสันแอนด์จอห์นสันหรือแอสตร้าเซนเนก้า แต่วัคซีนเชื้อตายก็จะกระตุ้นภูมิได้ไม่สูงมาก (แต่เพียงพอในการป้องกัน) จึงต้องได้รับการฉีดกระตุ้นถี่กว่าเช่นทุก 3-4 เดือนหากยังมีการระบาดรุนแรง 

การป้องกันโรคที่สมบูรณ์แบบต้องใช้วัคซีน 3 เข็ม
ส่วนวัคซีน mRNA และไวรัลเวคเตอร์นั้นภูมิขึ้นสูงมาก(บางคนอาจว่ามากเกิน) จึงฉีดกระตุ้นได้ทุก 6-8 เดือน (มีคนมักถามว่าผมแนะนำอะไร โดยส่วนตัวผมเลือกใช้วัคซีนเชื้อตายครับ ด้วยความเชื่อส่วนตัว และฉีดบ่อยได้ ผมไม่กลัวเข็ม) ถ้ายังมีการระบาดอยู่เราคงต้องกระตุ้นภูมิกันไปเรื่อยๆ (ให้มันรู้กันไปข้างหนึ่งว่า เราจะกลายพันธุ์ทันเจ้าโควิด-19 ไหม)
อย่างไรก็ตาม การรักษามาตรการความ ปลอดภัยด้วยการใส่หน้ากากอนามัยและรักษาระยะห่างพยายามอยู่ในที่อากาศถ่ายเทสะดวก ยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ แม้จะได้รับวัคซีนครบ
สำหรับสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยวันที่ 2 ธันวาคม 2564 นั้น "ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามข้อมูลจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. พบว่า ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 4,971 ราย  
ผู้ป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 เม.ย.64) 2,096,866 ราย  เสียชีวิตเพิ่ม 33 ราย หายป่วยเพิ่ม 5,402 ราย กำลังรักษา 73,726 ราย หายป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 เม.ย.64) 2,003,730 ราย