ไขข้อสงสัยเหตุใดวัคซีน "Moderna" ของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ราคา 555 บาท

18 ต.ค. 2564 | 08:05 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ต.ค. 2564 | 15:04 น.
1.8 k

หมอเฉลิมชัยไขข้อสงสัยเหตุใดโวัคซีน Moderna ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จึงราคา 555 บาท ชี้เป็นขนาด 50 ไมโครกรัม ครึ่งหนึ่งของของวัคซีนปกติ ใช้สำหรับกระตุ้นเข็ม 3 ในการป้องกันโควิด-19

รายงานข่าวระบุว่า น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
ทำไมวัคซีน Moderna ของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จึงราคา 555 บาท ในขณะที่ขององค์การเภสัชกรรม 1100 บาท และของโรงพยาบาลเอกชน 1500-2000 บาท
จากกรณีราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ประกาศเปิดจองวัคซีน Moderna สำหรับเป็นการฉีดเข็มกระตุ้นเข็มที่ 3 ในราคา 555 บาท
ทำให้เกิดเป็นประเด็น สำหรับผู้ที่ไม่เข้าใจในรายละเอียด โดยเฉพาะผู้ที่เสียเงินจองกับโรงพยาบาลเอกชนไว้ ซึ่งอยู่ในระดับราคาตั้งแต่ 1500-2000 บาทต่อเข็ม หรือถ้ารวมสองเข็ม  3000-4000 บาท
ทั้งนี้เกิดจากวัคซีนที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เปิดให้จองนั้น เป็นวัคซีนที่มีขนาดครึ่งหนึ่งของวัคซีนปกติคือ 50 ไมโครกรัม เอาไว้สำหรับใช้ฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3

ส่วนวัคซีนที่องค์การเภสัชกรรมนำเข้ามานั้น เป็นวัคซีนขนาดปกติสำหรับฉีดเข็มหนึ่งและสอง ขนาด 100 ไมโครกรัม และส่งให้กับโรงพยาบาลเอกชนในราคา 1100 บาทต่อเข็ม ทางโรงพยาบาลเอกชนก็จะมีการบวกค่าใช้จ่าย
อื่นๆตามระบบธุรกิจเอกชน ทำให้ราคาเพิ่มขึ้นเป็น 1500-2000 บาทต่อเข็ม

เหตุใดโมเดอร์นาของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ราคา 555 บาท
ทั้งนี้มีรายงานข่าวจากคณะกรรมการที่ปรึกษา อย.สหรัฐฯ มีมติเห็นชอบเบื้องต้น ให้วัคซีนของ Moderna ขนาด 50 ไมโคกรัม หรือครึ่งหนึ่งของขนาดปกติ สามารถใช้ฉีดกระตุ้นเข็มสามในกลุ่มเสี่ยงคือ ผู้สูงอายุได้ โดยที่วัคซีนเข็มหนึ่งและสองยังคงต้องฉีดขนาดปกติคือ 100 ไมโครกรัม
ส่วนวัคซีนของ Pfizer ซึ่งใช้เทคโนโลยี mRNA เหมือนของ Moderna มีขนาดปกติที่ 30 ไมโครกรัม
และวัคซีนที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังวิจัยในมนุษย์เฟสสอง ทดลองอยู่ที่สามขนาดคือ 10 , 25 และ 50 ไมโครกรัม

สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 (covid-19) ในประเทศไทยนั้น "ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ปัจจุบันมีการฉีดสะสมแล้วทั้งหมด 65,202,741 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 37,446,713 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 25,825,658 ราย และเข็มที่ 3 จำนวน 1,930,827 ราย