สาธารณสุข ยัน วัคซีน mRNA ไม่มีสารกัมมันตภาพรังสีปนเปื้อน

11 ต.ค. 2564 | 18:10 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ต.ค. 2564 | 01:20 น.

สาธารณสุข ยัน วัคซีน mRNA ไม่มีสารกัมมันตภาพรังสีหรือสารโลหะเป็นส่วนประกอบ ส่วนอนุภาคไขมันที่ห่อหุ้มนำสารพันธุกรรมในวัคซีนเข้าร่างกายมีความปลอดภัย ย้ำ วัคซีนไม่ได้ทำให้เจ็บป่วยรุนแรงมากขึ้น ไม่มีการบังคับฉีด ทุกอย่างเป็นไปตามความสมัครใจ

11 ตุลาคม 2564 ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด 19 และกรณีข่าววัคซีนโควิด 19 มีการปนเปื้อนว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยโควิด 19 รักษาหาย 10,590 ราย สูงกว่าผู้ติดเชื้อใหม่ที่พบ 10,035 ราย เสียชีวิต 60 ราย และอยู่ระหว่างการรักษา 110,265 ราย

ภาพรวมผู้ป่วยปอดอักเสบ ใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิตลดลงเรื่อยๆ ส่วนภาพรวมผู้ติดเชื้อยังทรงตัว จึงต้องเน้นย้ำมาตรการส่วนบุคคล ป้องกันตนเองสูงสุดตลอดเวลา ร่วมกับมาตรการสังคม และมาตรการ COVID Free Setting เพื่อช่วยให้การแพร่ระบาดของโรคลดลง

สำหรับผู้เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน - 7 ตุลาคม 2564 จำนวน 17,324 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 11,693 ราย หญิงตั้งครรภ์เสียชีวิต 30 ราย กทม.มีผู้เสียชีวิตสูงสุด 6,295 ราย

ส่วนใหญ่ไม่ได้รับวัคซีน แสดงว่าประสิทธิผลของวัคซีนในการป้องกันการเสียชีวิตมีสูงมาก จึงขอให้ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนตัดสินใจลงทะเบียนเข้ามาฉีด ส่วนการฉีดวัคซีนในนักเรียนอายุ 12-17 ปี ฉีดเข็ม 1 แล้ว 419,222 คน คิดเป็น 9.3%

นพ.เฉวตสรร กล่าวต่อว่า ขณะนี้พบโซเชียลมีเดียมีการให้ข้อมูลที่มีความคลาดเคลื่อน ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในวัคซีนหลายเรื่อง เช่น กรณีระบุว่า วัคซีน mRNA มีสารกัมมันตภาพรังสีสารโลหะอะลูมินัมปนเปื้อน

ยืนยันว่า ส่วนประกอบของวัคซีนไม่มีสารเหล่านี้ การผลิตวัคซีนจะต้องมีการจดแจ้งส่วนประกอบในการขึ้นทะเบียนชัดเจน และวัคซีนทุกล็อตที่เข้ามาต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยและคุณภาพ เช่น สิ่งปลอมปนทางกายภาพ หากตรวจพบความผิดปกติจะส่งคืนให้บริษัททำลายทิ้ง เป็นมาตรฐานสากลที่ปฏิบัติเหมือนกันทุกประเทศ

กรณีที่ระบุว่า มีนาโนพาร์ทิเคิลหรืออนุภาคที่เป็นอันตราย ขอชี้แจงว่า วัคซีน mRNA มีการใช้ลิปิดนาโนพาร์ทิเคิล หรืออนุภาคนาโนของไขมัน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีการพัฒนายารักษาโรคบางชนิดมีใช้มาก่อนหน้านี้ เพื่อช่วยนำตัวยาเข้าสู่ร่างกายให้ออกฤทธิ์ได้ มีการตรวจพิสูจน์ว่าปลอดภัยก่อนได้รับอนุญาตในสหรัฐอเมริกา

และสหภาพยุโรปจึงมั่นใจได้ว่าลิปิดนาโนพาร์ทิเคิลที่เป็นส่วนประกอบของวัคซีนมีความปลอดภัย

 

ส่วนที่อ้างว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีน mRNA ติดเชื้อแล้วมีอาการหนักมากกว่าผู้ที่ไม่ฉีด เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงจากผลการศึกษาประสิทธิภาพวัคซีนช่วยป้องกันอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ถึง 95% แม้กระทั่งกลุ่มผู้สูงอายุที่การตอบสนองของภูมิคุ้มกันน้อยกว่าวัยอื่นๆ ประสิทธิภาพยังสูงในระดับ 94%

วัคซีนที่นำมาฉีดในประเทศไทยมีการฉีดในต่างประเทศเป็นจำนวนมากแล้ว โดยบุคลากรทางการแพทย์ทุกกลุ่มได้รับการฉีดก่อน และเป็นการฉีดโดยความสมัครใจ เนื่องจากเป็นสิทธิส่วนบุคคลในการตัดสินใจ

เช่นเดียวกับการฉีดในนักเรียนที่มีการสอบถามผู้ปกครองก่อน เพื่อให้แสดงความจำนง ส่วนภาคราชการจะรณรงค์เชิญชวนให้ฉีดวัคซีนด้วยเหตุผลทางวิชาการ แต่สุดท้ายขึ้นกับการตัดสินใจของแต่ละบุคคลว่าจะฉีดหรือไม่ นพ.เฉวตสรรกล่าว