แพทยสมาคมฯ และ องค์กรร่วม ค้านบุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกกฎหมาย

06 ต.ค. 2564 | 21:20 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ต.ค. 2564 | 04:44 น.

แพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ออกแถลงการณ์พร้อม องค์กรร่วม ออกแถลงการณ์คัดค้าน รมว.ดิจิทัลชงบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย ชี้สร้างผลเสียต่อประเทศทางเศรษฐกิจ และสร้างผลร้ายต่อการรักษาสุขภาพ

แพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ออกแถลงการณ์5 ตุลาคม 2564 ระบุว่า ตามที่สื่อเสนอข่าว นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอ คณะรัฐมนตรี เมื่อ 28 กันยายน 2564 ให้พิจารณาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกกฎหมาย สามารถจำหน่ายได้

 

โดยอ้างเหตุผลว่า อย. สหรัฐ (US FDA) อนุญาตให้ IQOS เป็นผลิตภัณฑ์ยาสูบชนิด Modified Risk Tobacco Products (MRTP) มีจำหน่ายแล้วใน 67 ประเทศ และเสนอให้มีการพิจารณาผลิตบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยนั้น 
แพทยสมาคมฯ ร่วมกับคณะแพทย์จากราชวิทยาลัย 14 แห่ง เครือข่ายวิชาชีพแพทย์ เครือข่ายวิชาชีพสุขภาพ และสมาพันธ์เครือข่ายวิชาชีพสุขภาพ ขอชี้แจงข้อมูลต่อประชาชน สื่อ คณะรัฐมนตรี และโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี รมว.กระทรวงดิจิทัลฯ ด้วยข้อมูลอันเป็นที่ประจักษ์ดังนี้

1. บุหรี่ไฟฟ้า (E Cigarette) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่สินค้าปกติ ที่อุตสาหกรรมผู้ผลิตยาสูบ ผลิตขึ้นมาเพื่อเสริมการตลาด และทดแทนบุหรี่มวนจากใบยาสูบเดิม ที่กำลังได้รับการพิสูจน์ว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำลายสุขภาพอย่างชัดเจนด้วยผลการวิจัยที่ดำเนินการอยู่ทั่วโลก

2. บุหรี่ไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเอาสารสกัดนิโคติน (Nicotine) จากใบยาสูบมาผสมในน้ำ โดยมีตัวทำละลายเพื่อให้น้ำมันที่ใช้สกัดสามารถกระจายอยู่ในน้ำได้และเติมกลิ่นจากสารสกัดดอกไม้และผลไม้ ทำให้มีกลิ่นหอมเพิ่มความนิยม

3. นิโคติน (Nicotine) เป็นสารเสพติด (Potent Addictive) และมีผลทำให้เกิดการอักเสบและตีบตันของหลอดเลือดในระบบการไหลเวียนและหัวใจ (Cardio vascular System)

4. ในน้ำยาที่ใช้ควบคู่กับบุหรี่ไฟฟ้า (E juice หรือ E liquid) และกระบวนการเผาไหม้จากขดลวดให้ความร้อน มีสารก่อมะเร็งหลายชนิดเกิดขึ้นด้วย
 

5. สารนิโคติน (Nicotine) เป็นสารเสพติดที่ทำให้ผู้ใช้เสพติดแล้วจะมีโอกาสเลิกได้ยากมาก และเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ ที่ต้องการการรักษาที่มีราคาแพงและเรื้อรัง ทำลายสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะเยาวชน และ ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์นี้ รวมทั้งผู้ใกล้ชิดที่จะได้รับไอสารพิษนี้ร่วมด้วย

6. จำนวนความเข้มข้นของสารนิโคติน (Nicotine) ในน้ำยาที่ใช้สูบ (E juice หรือ E Liquid) มีแตกต่างกัน และยากต่อการควบคุม ยิ่งเข้มข้นมาก การติดยายิ่งรุนแรง และโรคที่เกิดจากสารนิโคตินนี้ก็จะมีความรุนแรงไปด้วย

7. อุตสาหกรรมผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้า มีการดำเนินการทางการตลาดเพื่อขยายผลการจำหน่ายในหลายรูปแบบ เช่น


7.1 ให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ เช่น ให้ข้อมูลว่าบุหรี่ไฟฟ้าสามารถใช้ทดแทนและทำให้สามารถเลิกบุหรี่มวนได้ แต่ไม่ได้กล่าวต่อให้ครบว่า แล้วเมื่อเปลี่ยนมาติดบุหรี่ไฟฟ้าแล้วจะเลิกอย่างไร?


7.2 โฆษณาสินค้าด้วยการสร้างรูปแบบอุปกรณ์ ทั้งรูปร่าง สีสัน และ กลิ่น ให้เป็นที่ดึงดูด เป็นแฟชั่น เป็นการชักนำเยาวชน เข้าเป็นลูกค้า


7.3 ทำการโฆษณาสินค้าในสื่อ Online ที่เย้ายวนให้มีการใช้ในเยาวชน
 

 

8. มีข้อมูลที่ชัดเจนจากประเทศที่อนุญาตให้มีการสูบแบบถูกกฎหมาย เช่น สหรัฐอเมริกาว่าเยาวชนมีการใช้บุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้นทั้งในระดับมัธยมต้น และ มัธยมปลาย โดยที่เยาวชนเหล่านี้ไม่ใช่นักสูบหน้าเก่า(ผู้เคยสูบบุหรี่มวนมาก่อน) แต่ล้วนเป็นนักสูบหน้าใหม่ อันเป็นผลจากการให้ข้อมูลและการประชาสัมพันธ์ ที่มอมเมาเยาวชนทั้งสิ้น นอกจากนั้นในกลุ่มนี้ยังพบว่า ส่วนหนึ่งกลายเป็นผู้ที่มีการสูบควบกันทั้ง 2 อย่าง (Dual Smokers) ในที่สุด



9. ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า มิใช่ผู้ที่สูบบุหรี่มวนอยู่เดิมและต้องการเลิกสูบเท่านั้น แต่ยังมีอีกจำนวนมาก ได้รับอิทธิพลจากการตลาดและสามารถเข้าถึงและหาซื้อได้ของบุหรี่ไฟฟ้า และทำให้กลายเป็นผู้ติดยาเสพติด นิโคติน (Nicotine) จากบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่มักได้รับการยั่วยุได้ง่าย
 

10. บุหรี่ไฟฟ้าไม่เพียงแต่สร้างผลเสียต่อประเทศทางเศรษฐกิจ (ประชาชนต้องหาซื้อ หรือเจ็บป่วยขาดความสามารถในการทำงาน) แล้วยังสร้างผลร้ายต่อการรักษาสุขภาพ และรัฐฯต้องมีค่ารักษาพยาบาลจากโรคอันเกิดจากพิษภัยของ นิโคติน (Nicotine) ในบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าด้วย

11. ประเทศไทยมีการลงนามความร่วมมือกับอีก 181 ประเทศ ในข้อตกลงความร่วมมือ FTCT ของ WHO ไว้แล้วที่จะร่วมมือกันลดจำนวนคนสูบบุหรี่

แพทยสมาคมฯ ขอขอบพระคุณนายกรัฐมนตรี มีวิสัยทัศน์ในการปกป้องสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะเยาวชน โดยไม่เปิดโอกาสให้มีการพิจารณาเรื่องที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ เสนอ และขอเรียนเพิ่มว่า คณะแพทย์และบุคลากรด้านสาธารณสุขและสุขภาพ มีความภาคภูมิใจที่ประเทศไทยโดยคณะรัฐมนตรีได้กรุณาพิจารณาและผ่านกฎหมาย พรบ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 กฎกระทรวงพาณิชย์ และประกาศต่างๆ มาบังคับใช้ เพื่อปกป้องให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี


ส่วนกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทวงดิจิทัลฯ อ้างถึงว่ามี 67 ประเทศอนุญาตให้มีการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าได้นั้น ขอให้กลับไปทบทวนคำอนุญาตของประเทศเหล่านั้นว่า แต่ละประเทศล้วนมีข้อแม้ และข้อบ่งชี้ในการใช้ทั้งสิ้น มิใช่ขายได้อย่างอิสระ และยังมีประเทศอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่อนุญาต (Ban) ให้มีการจำหน่าย ด้วยเหตุผลว่าเขาต้องการปกป้องสุขภาพของประชาชนของเขาด้วยกระบวนการ “ป้องกัน ดีกว่าแก้”


ดังนั้นแพทยสมาคมฯ และ องค์กรร่วม จึงขอคัดค้านอย่างเต็มที่ในการที่จะมีการพิจารณาให้มีการยกเลิกประกาศของกระทรวงพาณิชย์ในการห้ามนำเข้า และจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย และขอเชิญชวนให้มีการต่อต้านการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เป็นกำลังในการช่วยกันพัฒนาประเทศชาติต่อไป


ส่วนการเลิกสูบบุหรี่นั้นไม่จำเป็นต้องพึ่งหรืออาศัยบุหรี่ไฟฟ้า หากต้องการเลิกสูบจริงๆ ทางเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่และเครือข่ายต่างๆ มีวิธีการและกำลังดำเนินการช่วยเหลืออยู่อย่างเต็มกำลัง ทั้งให้คำปรึกษา และ การจัดหายาเลิกบุหรี่ให้ ท่านสามารถปรึกษาได้ที่สายด่วนเลิกบุหรี่ โทรศัพท์ 1600 (โทรฟรีทุกเครือข่าย) คลินิกฟ้าใส 544 แห่งทั่วประเทศ และที่หน่วยบริการทางการแพทย์ทุกแห่ง ที่ต้องรีบทำก่อนคือ การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และต้องให้ความกระจ่างที่ชัดเจนกับประชาชนทั้งที่สูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าอยู่แล้ว หรือยังไม่เคยสูบ ตระหนักว่า สิ่งที่ร่างกายต้องการจากลมหายใจเข้าปอดคือ “อากาศบริสุทธิ์” เท่านั้น

 

ร่วมลงนามโดย
1.ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์อมร ลีลารัศมี
นายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
2.ศาสตราจารย์เกียรติคุณแพทย์หญิงสมศรี เผ่าสวัสดิ์
ประธานสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่
3.ศาสตราจารย์นายแพทย์สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล
ประธานเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่
4.ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์สมศักดิ์ โล่เลขา
ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย
5.ศาสตราจารย์แพทย์หญิงวณิชา ชื่นกองแก้วประธานราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย
6.พันเอกหญิงแพทย์หญิงนวพร หิรัญวิวัฒน์กุลประธานราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย
7.ศาสตราจารย์นายแพทย์ประมุข มุทิรางกูร ประธานราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย
8.พลอากาศโทนายแพทย์อนุตตร จิตตินันทน์ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย
9.ศาสตราจารย์แพทย์หญิงสุวรรณี สุรเศรณีวงศ์ ประธานราชวิทยาลัยวิสัญญีแพทย์แห่งประเทศไทย
10.รองศาสตราจารย์นายแพทย์วิวัฒนา ถนอมเกียรติ
ประธานราชวิทยาลัยรังสีแพทย์แห่งประเทศไทย
11.นายแพทย์ทรงคุณ วิญญูวรรธน์ ประธานราชวิทยาลัยพยาธิแพทย์แห่งประเทศไทย
12. รองศาสตราจารย์นายแพทย์สงวนศักดิ์ ธนาวิรัตนานิจ
ประธานราชวิทยาลัยโสต ศอ นาสิกแพทย์แห่งประเทศไทย
13. นายแพทย์ธไนนิธย์ โชตนภูติ ประธานราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย
14. ศาสตราจารย์คลินิกแพทย์หญิงกมลทิพย์ หาญผดุงกิจ
ประธานราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูแห่งประเทศไทย
15. พลอากาศโทนายแพทย์การุณ เก่งสกุล ประธานราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
16. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์อภินันท์ อร่ามรัตน์
ประธานราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวแห่งประเทศไทย

17. นายแพทย์เกรียงศักดิ์ ลิ้มพัสถาน ประธานราชวิทยาลัยประสาทศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย