กทม. "คลายล็อกดาวน์" ผ่อนปรนเปิดสถาบันการเงิน-แบงก์ในห้าง เริ่ม 18 ส.ค.นี้

17 ส.ค. 2564 | 16:59 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ส.ค. 2564 | 00:36 น.
5.7 k

กทม.ออกประกาศเร่งผ่อนปรนกิจการสถาบันการเงิน-แบงก์ ในห้างฯ เริ่มวันที่ 18 ส.ค.นี้ ย้ำเปิดให้บริการถึง 20.00น.หลังขยาย "ล็อกดาวน์" รับสถานการณ์โควิด-19

รายงานข่าวจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ประกาศกรุงเทพมหานครเรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 40)ตามที่ได้มีประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 39) ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2564 ให้ปิดสถานที่และให้ดำเนินการตามที่ระบุไว้ในประกาศกรุงเทพมหานคร จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 เพื่อให้การควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด - 19  เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันมิให้การระบาดเพิ่มความรุนแรงขึ้น นั้น

เนื่องจากศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด – 19 (ศปก.ศบค.) ได้แจ้งให้กรุงเทพมหานครดำเนินการตามมตคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ในการประชุม ครั้งที่ 12/6564เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2564 เพื่อปรับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการเร่งด่วนสำหรับสถานที่ กิจการ หรือกิจกรรมที่มีความเสี่ยง

เพื่อเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการดำเนินชีวิตดังนั้น เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามมติที่ประชุมดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35 (1) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558ประกอบกับมติคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19 ในการประชุม ครั้งที่ 16/2564 เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2564

กทม. \"คลายล็อกดาวน์\" ผ่อนปรนเปิดสถาบันการเงิน-แบงก์ในห้าง เริ่ม 18 ส.ค.นี้

รายงานข่าวจากกทม. กล่าวต่อว่า ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ตามมติที่ประชุมครั้งที่ 24/2564 เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564

จึงมีคำสั่งให้ธนาคาร หรือสถาบันการเงิน เช่น ธุรกิจลิสซิ่งบัตรเครดิต หรือการให้สินเชื่อ ที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือสถานประกอบการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน สามารถเปิดดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป จนถึงเวลา 20.00 น.

และต้องดำเนินการภายใต้เงื่อนไขเงื่อนเวลา การจัดระบบ ระเบียบ และมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด 

ทั้งนี้ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามอาจมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นรีบด่วนหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สาธารณชนหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้ง ตามมาตรา 3 วรรคสอง (1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539