"โควิดระลอกสาม"ตายพุ่ง 7 เท่าจากระลอกสอง หมอเฉลิมชัย แนะล็อกดาวน์เข้มข้น

16 ก.ค. 2564 | 09:41 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ก.ค. 2564 | 21:13 น.

หมอเฉลิมชัยเผยข้อมูลโควิดระลอกสามเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 7 เท่าจากระลอกสอง ติดเชื้อมากขึ้น 13.44 เท่า เหตุสายพันธุ์เดลตาแพร่เชื้อเร็ว แนะยกระดับล็กดาวน์เข้มข้นเหมือนตอนระบาดระลอกแรก

รายงานข่าวระบุว่า น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า 
เปรียบเทียบโควิดระลอกที่สาม กับระลอกที่สอง พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 13 เท่า ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 7 เท่า
จากการระบาดของโควิดระลอกที่สอง ซึ่งเริ่มต้นเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2563 ต่อเนื่องถึง 31 มีนาคม 2564  รวมเป็นระยะเวลา 105 วันนั้น
การระบาดของโควิดระลอกที่สามก็ได้ครบ 105 วันแล้วเช่นกัน โดยเริ่มระบาดเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564 นับถึง 14 กรกฎาคม 2564
ลองมาดูเปรียบเทียบสถิติการระบาดของทั้งสองระลอกกันดู โดยเทียบในช่วงของการระบาด 105 วันเท่ากัน
1.จำนวนผู้ติดเชื้อ
ระลอกที่สอง  24,863 ราย
ระลอกที่สาม  334,166 ราย
2.จำนวนผู้เสียชีวิต
ระลอกที่สอง  34 ราย
ระลอกที่สาม  2840 ราย
3.การเสียชีวิตเมื่อคิดเป็นร้อยละต่อผู้ติดเชื้อ
ระลอกที่สอง     0.12% 
ระลอกที่สาม     0.85%

จะเห็นได้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อในระลอกที่สาม มีเพิ่มขึ้นมากกว่าระลอกที่สอง 13.44 เท่า

โควิดระลอกสามตายพุ่ง 7 เท่าจากระลอกสอง
และจำนวนผู้เสียชีวิต เมื่อคิดเป็นร้อยละต่อผู้ติดเชื้อ ในระลอกที่สามเพิ่มสูงกว่าระลอกที่สอง 7 เท่า
หมอเฉลิมชัย ระบุต่อไปว่า ความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ทั้งของจำนวนผู้ติดเชื้อและจำนวนผู้เสียชีวิตของทั้งสองระลอก มีปัจจัยสำคัญหลักคือ ชนิดของไวรัสที่เปลี่ยนแปลงไป โดยในระลอกที่สอง เป็นไวรัสสายพันธุ์หลักเดิม
ส่วนในการระบาดระลอกที่สาม ช่วงแรกในเดือนเมษายนและพฤษภาคมเป็นไวรัสสายพันธุ์อัลฟ่าหรืออังกฤษเดิม ซึ่งมีความสามารถในการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น 70% และในช่วงมิถุนายน เป็นไวรัสสายพันธุ์เดลตาหรืออินเดียเดิม ซึ่งมีความสามารถในการแพร่ระบาดมากกว่าสายพันธุ์อัลฟาเพิ่มเติมไปอีก 60%
ดังนั้นแม้วินัยของประชาชนในระลอกที่สามอาจจะไม่ได้ลดหย่อนแตกต่างจากระลอกที่สอง และมาตรการของทางการ ที่ออกมาในระลอกที่สามก็ไม่ได้น้อยกว่าระลอกที่สองแต่อย่างใด แต่จำนวนตัวเลขของระลอกที่สาม ก็มีการระบาดที่กว้างขวางและรุนแรงกว่ามาก เพราะปัจจัยแตกต่างมาจากไวรัสที่เก่งขึ้น แพร่ระบาดรวดเร็วมากขึ้นนั่นเอง
ดังนั้นวิธีการที่สำคัญที่สุด ในการควบคุมการระบาดของโควิดระลอกที่สามให้สำเร็จ จึงจำเป็นจะต้องยกระดับมาตรการให้เข้มข้นสูงขึ้น จนถึงขั้นใกล้เคียงกับการล็อกดาวน์ในระลอกที่หนึ่ง ซึ่งเคยได้ผลดีมาแล้ว คือคุมผู้ติดเชื้อไว้ได้ที่ 4000 คน และเสียชีวิต 60 คน
การล็อกดาวน์ในระลอกที่สามขณะนี้ อาจจะไม่สามารถคุมได้ดีเหมือนในระลอกที่หนึ่งได้ เพราะเชื้อไวรัสเป็นคนละสายพันธุ์กัน และการดำเนินการที่เริ่มล็อกดาวน์ช้ากว่า จึงต้องหวังว่าการล็อกดาวน์ในระลอกนี้ เป็นแต่เพียงการประคับประคอง ไม่ให้มีการติดเชื้อและเสียชีวิตที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรุนแรง แล้วรอให้วัคซีนได้รับการฉีดจนครบ และเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในสิ้นปีนี้

ทั้งนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" รวบรวมสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 (Covid-19) ในประเทศไทยวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 จากศูนย์ข้อมูล COVID-19 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า 
มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 9692 ราย
สะสมระลอกที่สาม 353,044 ราย
สะสมทั้งหมด 381,907 ราย
หายป่วยกลับบ้านได้ 5730 ราย
สะสม 244,431 ราย
เสียชีวิตเพิ่ม 67 ราย
สะสมระลอกที่สาม 3005 ราย
สะสมทั้งหมด 3099 ราย