ด่วน ครม.เคาะเยียวยา ล่าสุด "เคอร์ฟิว-ล็อกดาวน์" พื้นที่สีแดงเข้ม 5 อาชีพ

13 ก.ค. 2564 | 14:52 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ก.ค. 2564 | 00:53 น.
8.1 k

ที่ประชุม ครม.อนุมัติ "มาตรการเยียวยาล่าสุด " เพิ่มเติมใน 5 สาขาอาชีพ ที่รับผลกระทบจาก "เคอร์ฟิว-ล็อกดาวน์"  ในพื้นที่ 10 จังหวัด พื้นที่สีแดงเข้ม และลดค่าน้ำค่าไฟ 2 เดือน 

วันที่ 13 ก.ค. 64 มติที่ประชุม ครม.อนุมัติ "มาตรการเยียวยาล่าสุด " เพิ่มเติมใน 5 สาขาอาชีพ ที่รับผลกระทบจาก ประกาศ"เคอร์ฟิว" และ "ล็อกดาวน์"  

เฉพาะในพื้นที่ 10 จังหวัด พื้นที่สีแดงเข้ม หรือ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลาและสงขลา 

สำหรับช่วยเหลือแรงงานในระบบประกันสังคมและนอกระบบประกันสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการและมาตรการควบคุมการระบาดเพิ่มจากเดิม 4 สาขาอาชีพ เป็น 9 สาขาอาชีพ โดยสาขาที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ 5 สาขา ระยะเวลาการช่วยเหลือ 1 เดือน ได้แก่

  1. สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า
  2. สาขาการขายส่งและการขายปลีก
  3. สาขาการซ่อมยานยนต์
  4. สาขากิจกรรมการบริหารและสนับสนุนวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมวิชาการ
  5. สาขาข้อมูลข่าวสารและการศึกษา

โดยรูปแบบการช่วยเหลือ ดังนี้ 

  • ลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตนตาม ม.33 ได้รับการช่วยเหลือ 2,500 บาท ต่อคน และลูกจ้างที่ได้รับชดเชยจะได้รับเงินเดือน 50% ของค่าจ้าง รวมไม่เกินคนละ 10,000 บาท
  • สำหรับผู้ประกอบการจะได้รับรายละ 3,000 บาท ต่อลูกจ้าง 1 คน จำกัด ไม่เกิน 200 คน
  • ส่วนผู้ประกันตน ม.39 และ ม.40 ได้รับความช่วยเหลือ 5,000 บาท 

นอกจากนี้ ลดค่าน้ำค่าไฟ 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็น

1.ลดค่าไฟ ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 10 จังหวัด ระยะเวลา 2 เดือน (ก.ค.-ส.ค.) 
2.ลดค่าน้ำ ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 10 จังหวัด ระยะเวลา 2 เดือน (ส.ค.-ก.ย.)

ด่วน ครม.เคาะเยียวยา ล่าสุด \"เคอร์ฟิว-ล็อกดาวน์\" พื้นที่สีแดงเข้ม 5 อาชีพ

ด่วน ครม.เคาะเยียวยา ล่าสุด \"เคอร์ฟิว-ล็อกดาวน์\" พื้นที่สีแดงเข้ม 5 อาชีพ

สำหรับรายละเอียดทั้งหมด ทีมโฆษกรัฐบาลจะแถลงในลำดับต่อไป

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ 4 สาขาอาชีพ ที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้อนุมัติโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ใน พื้นที่สีแดงเข้ม ไปแล้วได้แก่

  1. กิจการก่อสร้าง 
  2.  กิจการที่พักแรมและบริการด้านอาหาร
  3. กิจการศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ
  4. กิจการกิจกรรมการบริการด้านอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบ

เปิดมาตรการเยียวยาเพิ่มเติม!   จ่ายผู้ประกันตน ม.33 เพิ่มเติม 2,500 บาท/คน เป็น            ระยะเวลา 1 เดือน  พร้อมลดค่าน้ำ-ค่าไฟฟ้า 2 เดือน ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด   

จากนั้นเวลา 16.00 น. นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยมติครม.ว่า ที่ประชุมครม.วันนี้ เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือกลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด กรุงเทพฯ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการและสมุทรสาคร  นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงชลา)

เพื่อช่วยลดผลกระทบในระยะสั้นสำหรับกลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการทั้งในและนอกระบบประกันสังคมใน 9 สาขา ได้แก่  

  1. ก่อสร้าง
  2. กิจการที่พักแรมและบริการด้านอาหาร
  3. กิจกรรมศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ
  4. กิจกรรมบริการด้านอื่นๆ ตามที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด
  5. การขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า
  6. การขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์
  7. กิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน
  8. กิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ และ
  9. สาขาข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร  

โดยมีมาตรการช่วยเหลือ ดังนี้

1. กลุ่มแรงงานและนายจ้างผู้ประกอบการ  ระยะเวลา 1 เดือน  
ในระบบประกันสังคม ผู้ประกันตน ม.33  สัญชาติไทย  

  • จ่ายเพิ่มเติมให้ลูกจ้าง 2,500 บาท/คน  เพิ่มเติมจาก จ่ายชดเชยเยียวยาร้อยละ 50 ของรายได้ให้ลูกจ้าง สูงสุดไม่เกิน7,500 บาท ระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน  เป็นผลให้ ผู้ประกันตน ม.33 สัญชาติไทย จะได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐไม่เกิน 10,000 บาท/คน    ผู้ประกันตน ม.39 และ ม.40 สัญชาติไทย  
  • ยังประกอบอาชีพอยู่ในปัจจุบัน จะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท/คน    นายจ้างและผู้ประกอบการ
  • จ่ายให้นายจ้างตามจำนวนสูงสุดไม่เกิน 200 คนในอัตรา 3,000 บาท/หัว/สถานประกอบการ

นอกระบบประกันสังคม  ผู้ประกอบอาชีพอิสระ (ไม่ได้เป็นม.33/ม.39 และ ม.40)

  • ให้ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม (ม.40) ภายในเดือน ก.ค. 64  เพื่อจะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท/คน นายจ้าง/ผู้ประกอบการ  กรณีที่มีลูกจ้าง
  • ให้ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม (ม.33) ภายในเดือน ก.ค. 64  เพื่อผู้ประกอบการจะได้รับเงินช่วยเหลือตามจำนวนลูกจ้างสูงสุดไม่เกิน 200 คนในอัตรา 3,000 บาท/หัว/สถานประกอบการ  ขณะที่ลูกจ้างสัญชาติไทยจะได้รับเงินช่วยเหลือ 2,500 บาท/คน  กรณีที่ไม่มีลูกจ้าง
  • ให้ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม (ม.40) ภายในเดือน ก.ค. 64 จะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท/คน

ผู้ประกอบการในระบบ “ถุงเงิน” โครงการคนละครึ่งและโครงการเราชนะ ในหมวดร้านอาหารและเครื่องดื่ม ร้าน OTOP ร้านค้าทั่วไป ร้านค่าบริการและกิจการขนส่งสาธารณะ (ไม่รวมกิจการขนาดใหญ่)  ให้ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม (ม.40) ภายในเดือน ก.ค. 64  จะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท/คน  

กรณีที่มีลูกจ้างให้ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม (ม.33) ภายในเดือน ก.ค. 64  เพื่อผู้ประกอบการจะได้รับเงินตามจำนวนลูกจ้างสูงสุดไม่เกิน 200 คนในอัตรา 3,000 บาท/หัว/สถานประกอบการ และลูกจ้างสัญชาติไทยจะได้รับเงินช่วยเหลือ 2,500 บาท/คน 

 

2. ประชาชนและภาคธุรกิจทั่วประเทศ

ลดค่าไฟฟ้า-ลดค่าน้ำประปา ระยะเวลา 2 เดือน (ก.ค.-ส.ค. 64) ดังนี้ 

  • บ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150หน่วย/เดือน : ใช้ไฟฟ้าฟรี 90 หน่วยแรก 
  • บ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 150หน่วย/เดือน : กรณีน้อยกว่าหรือเท่ากับเดือน ก.พ. 64 คิดค่าไฟฟ้าตามหน่วยการใช้ไฟฟ้าจริง  กรณีมากกว่าเดือนก.พ. แต่ไม่เกิน 500 หน่วย/เดือน ให้จ่ายเท่ากับเดือน ก.พ. 64   ผู้ใช้ไฟฟ้า 501-1,000 หน่วย/เดือน ให้จ่ายค่าไฟฟ้าเท่ากับเดือน ก.พ. 64+ 50% ของหน่วยไฟฟ้าที่เพิ่มจากเดือน ก.พ. 64  ผู้ใช้ไฟฟ้าเกิน 1,000  หน่วย/เดือน ให้จ่ายค่าไฟฟ้าเท่ากับเดือน ก.พ. 64+ 70%  ของหน่วยไฟฟ้าที่เพิ่มจากเดือน ก.พ. 64   โดยให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม
  • กิจการขนาดเล็ก(ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ใช้ไฟฟ้าฟรี 100 หน่วยแรก  
  • กิจการขนาดกลาง ขนาดใหญ่ กิจการเฉพาะ องค์กรไม่แสวงหากำไรและการสูบน้ำเพื่อการเกษตร   ยกเว้นการเรียกเก็บอัตราค่าไฟฟ้าต่ำสุด (Minimum Charge) จนถึงสิ้นเดือนธ.ค. 64 โดยให้จ่ายค่าความต้องการพลังไฟฟ้า (demand Charge) ตามกำลังไฟฟ้าที่ใช้จ่ายจริง

ลดค่าน้ำประปาลงร้อยละ 10 เฉพาะบ้านที่อยู่อาศัยและกิจการขนาดเล็ก  (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ระยะเวลา 2 เดือน (ส.ค.-ก.ย. 64)

ส่วนมาตรการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของครัวเรือนและประชาชน ได้มีประกาศให้สถานศึกษาภาครัฐพิจารณาให้ความช่วยเหลือในการให้ส่วนลดเงินบำรุงการศึกษา  ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่นๆ ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564  เป็นกรณีพิเศษ  พร้อมให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวตกรรม หารือกับสถานศึกษาในสังกัดเพื่อแนวทางการลดค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564  เป็นกรณีพิเศษ    

พร้อมให้จัดทำข้อเสนอโครงการในลักษณะรัฐร่วมสมบทภาระส่วนลดให้แก่สถานศึกษาบางส่วน  เพื่อเสนอให้ครม. พิจารณาภายใน 1 สัปดาห์

นอกจากนี้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย จะพิจารณาแนวทางทางการเงินเพื่อช่วยเหลือสถานศึกษาภาคเอกชนที่ประสบปัญหาทางการเงินที่เหมาะสมด้วย  
สำหรับมาตรการช่วยเหลือด้านการเงินและลูกหนี้สถาบันการเงินนั้น กระทรวงการคลัง  ธนาคารแห่งประเทศไทย จะหารือกับธนาคารพาณิชย์ เพื่อดำเนินมาตรการผ่อนปรนการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยหรือการเลื่อนงวดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าของสถาบันการเงินด้วย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมถึงกรอบวงเงินสำหรับมาตรการช่วยเหลือกลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการว่า จำนวนท 30,000 ล้านบาท สำหรับมาตรการลดค่าน้ำ-ค่าไฟฟ้า  ให้กฟน. กฟภ. กปน. และกปภ. ขอรับสนับสนุนภายใต้กรอบวงเงินรวมไม่เกิน 12,000 ล้านบาท  

ซึ่งหลังจากนี้ ครม. ยังมีจะพิจารณามาตรการช่วยเหลือในระยะต่อไปโดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ทั่วประเทศต่อไปด้วย