อัพเดตที่นี่ เหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว สำรวจความเสียหายหลังเพลิงสงบ

06 ก.ค. 2564 | 08:51 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ก.ค. 2564 | 23:11 น.
553

จากเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานบริษัท หมิงตี้ เคมิคอล ในย่านกิ่งแก้ว สมุทรปราการ ตั้งแต่ช่วง 03.00 น.วานนี้ (5 ก.ค.) ซึ่งส่งผลให้บ้านเรือนในละแวกนั้นได้รับความเสียหายและมีการอพยพประชาชน ล่าสุดเช้าตรู่วันนี้ (6 ก.ค.) มีข่าวดีว่า เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว

ต่อไปนี้เป็น อัพเดตลำดับเหตุการณ์ ตั้งแต่ช่วงหลังเที่ยงคืนที่ผ่านมา

ประมาณช่วงเที่ยงคืน ย่างเข้าสู่วันที่ 6 ก.ค. เจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดวาลว์ครบ 3 จุด จนทำให้เพลิงสงบ และควันลดลง แต่ยังคงฉีดน้ำต่อเนื่องเพื่อป้องกันการกลับมาประทุ

01.34 น. นายอำเภอบางพลี ได้ประสานนำโฟมเข้าเลี้ยงไม่ให้เกิดไฟคุขึ้นมาอีก และรถบรรทุกของกองทัพบก ก็ยังคงขนโฟมมาเป็นระยะ

อัพเดตที่นี่ เหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว สำรวจความเสียหายหลังเพลิงสงบ

อัพเดตที่นี่ เหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว สำรวจความเสียหายหลังเพลิงสงบ 03.00 น. เพลิงกลับมาลุกอีกครั้งแม้ว่าจะปิดวาลว์ได้แล้ว คาดว่าเนื่องจากชั้นโฟมบริเวณดังกล่าวบนพื้นอาจไม่หนาพอ และมีอากาศเข้าไปข้างในจึงทำให้ไฟลุกขึ้นมาได้ เจ้าหน้าที่ระดมฉีดโฟมทับและฉีดน้ำเพื่อลดอุณหภูมิ

03.45 น. เจ้าหน้าที่ได้พานายสุเทพ มั่งคั่ง หัวหน้าคนงานโรงงานหมิงตี้ฯ มาชี้ผังโรงงานเพื่อควบคุมเพลิงให้ดีขึ้น โดยนายสุเทพกล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุมีคนงาน 11 คน แบ่งเป็นผู้จัดการโรงงานชาวไต้หวัน 1 คน และคนงาน 9 คน รวมตนด้วยอีก 1 คน โดยที่คนงานได้วิ่งมาตามคนที่บานพักอยู่ใกล้ ๆ พอมาถึงป้อมยาม ก็พบว่าสารเคมีรั่วไหลออกมาแล้ว สักพักก็ได้ยินเสียงระเบิดพร้อมประกายไฟ ตนและทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็รีบหนีภัย ส่วนสาเหตุนั้นต้องเรียกคนงานมาพูดคุยอีกที ทั้งนี้ สารเคมีมีทั้งหมด 16,000 ตัน มีแทงค์เดียวไม่มีแทงค์อื่น เป็นสารสไตรีนโพลิเมอร์ จุดที่ไฟไหม้ไม่มีชั้นใต้ดิน

ประมาณ 05.20 น. เจ้าหน้าที่ยืนยันแล้วว่า สามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว แต่แนะนำว่า ประชาชนที่อพยพออกไป อย่าเพิ่งกลับเข้าบ้าน เนื่องจากคาดว่า ยังคงมีสารเคมีตกค้างและอาจเป็นอันตราย

07.15 น. ภาพล่าสุดจากการสำรวจความเสียหาย หลังเจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังควบคุมเพลิงกันข้ามวันข้ามคืน

07.22 น. เพลิงประทุขึ้นอีกรอบ เกิดกลุ่มควันสีดำขนาดใหญ่ พวยพุงขึ้นอีกครั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ต้องเร่งใช้น้ำและโฟมดับเพลิงเข้าควบคุมไฟ

10.00 น. นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ชูตระกูล ยศมาดี รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ และ พ.ต.อ.ปกปภพ บดีพิทักษ์ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์

 

จากการนำเครื่องตรวจชั้นอากาศมาทำการตรวจสภาพอากาศโดยรอบจุดที่เกิดเหตุ ซึ่งต้องมีการตรวจเช็กตามระยะตั้งแต่ 1 กิโลเมตรไปจนถึง 5 กิโลเมตร พบว่าสภาพอากาศใน “บางจุด” ยังมี “ค่ามลพิษเกินมาตรฐาน” ในปริมาณที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย จึงไม่สมควรที่จะสูดดมเข้าไปนานๆ และต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา

อัพเดตที่นี่ เหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว สำรวจความเสียหายหลังเพลิงสงบ

อัพเดตที่นี่ เหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว สำรวจความเสียหายหลังเพลิงสงบ อัพเดตที่นี่ เหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว สำรวจความเสียหายหลังเพลิงสงบ

อัพเดตที่นี่ เหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว สำรวจความเสียหายหลังเพลิงสงบ

อัพเดตที่นี่ เหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว สำรวจความเสียหายหลังเพลิงสงบ

13.00 น. บรรยากาศการเคลื่อนศพของนายกรสิทธิ์ ลาวพันธ์ หรือ "พอส" อายุ 18 ปี อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัย รหัส ธน 28-78 ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนี้ จากโรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ จ.สมุทรปราการ ไปทำพิธีที่วัดทุ่งครุ มีเพื่อนอาสาขับรถร่วมขบวนไปส่งถึงวัดนับร้อยคัน เปิดสัญญาณไฟและสัญญาณเสียงลั่นถนนอย่างสมศักดิ์ศรี บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า (อ่านเพิ่มเติม: สดุดี “น้องพอส” วีรบุรุษอาสาสมัครดับเพลิงโรงงานกิ่งแก้ว สวดอภิธรรมวันนี้)

 

สรุปความเสียหาย ณ เวลา 0600 น. วันนี้ (6 ก.ค.) 

บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 73 หลัง

รถยนต์เสียหาย 15 คัน

ประชาชนได้รับบาดเจ็บ 33 ราย

อาสาสมัครบาดเจ็บ 12 ราย

อาสาสมัครดับเพลิงเสียชีวิต 1 ราย

ภายใต้คำสั่งอพยพประชาชนในรัศมี 5 กม.รอบพื้นที่เพลิงไหม้ มีการอพยพประชาชนชุมชนใต้ลมแล้วประมาณ 1,900 คน 

 

ขณะนี้มี จุดอพยพ 8 แห่ง รองรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ประกอบด้วย  

1.โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์

2.อบต.บางพลีใหญ่

3.ร.ร.วัดบางพลีใหญ่กลาง

4.วัดบางพลีใหญ่ใน

5.วัดบางโฉลงนอก

6.วัดสลุด

7.รร.คลองบางกระบือ

8.ศาลพ่อหลวง

ขอบคุณข้อมูล-ภาพ จาก /FM91/จส.100/ห้อง 61 อัศวินภัย