ผบ.ตร.สั่งการ ตำรวจร่วมคุมเข้ม ตามมาตรการล็อกดาวน์ 10 จังหวัด

27 มิ.ย. 2564 | 12:59 น.

ผบ.ตร.สั่งการตำรวจ ประสานหน่วยงานทหาร สาธารณสุข ฝ่ายปกครอง และหน่วยที่เกี่ยวข้อง ร่วมปฏิบัติเข้ม ตามมาตรการล็อกดาวน์ กรุงเทพฯ และปริมาณมณฑล รวมทั้งการดูแลเข้มงวดในจังหวัดภาคใต้ ตามนโยบายรัฐบาล เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ Covid-19

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีที่รัฐบาลได้ประกาศมาตรการ ตามข้อกำหนดในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 25) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 28 มิ.ย.64 โดยกำหนดพื้นที่เป้าหมายเฉพาะในเขตพื้นที่สถานการณ์ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ได้แก่ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา เพื่อชะลอและสกัดกั้นการแพร่ระบาดของ Covid-19 อย่างเร่งด่วน 

จากประกาศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับการปฎิบัติของหน่วยงานความมั่นคง สาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนและจริงจัง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส ทาง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงกำชับหน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้องทุกพื้นที่ ให้ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานทหาร สาธารณสุข ฝ่ายปกครอง และหน่วยที่เกี่ยวข้อง พร้อมสนับสนุนกำลังเมื่อมีการร้องขอ  

สำหรับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ.2548(ฉบับที่ 25) มีการควบคุมการปิดแคมป์แรงงานก่อสร้าง สถานประกอบการ โรงงานในเขต กทม. และปริมณฑล การตั้งจุดตรวจ จุดสกัดกับหน่วยร่วมปฏิบัติ เพื่อคัดกรองการเดินทางตามเงื่อนไขที่ ศบค. กำหนด ในเส้นทางเข้า-ออก จังหวัดชายแดนใต้ กทม. และปริมณฑล และเส้นทางเข้า-ออกจังหวัดอื่นๆ รวมถึงตรวจสอบสถานประกอบการ ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า หรือร้านค้าต่างๆ ให้ปฏิบัติตามคำสั่ง ประกาศ ข้อกำหนดของ ศบค. และคำสั่งจังหวัดที่เกี่ยวข้อง อย่างเคร่งครัด พร้อมเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงต่างๆ

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังได้กำชับ ให้มีการออกตรวจสอบการจำหน่ายอาหารหรือของร้านอาหารต่างๆ การเปิด-ปิดห้างสรรพสินค้า หรือศูนย์การค้า ตามเวลาที่กำหนด การห้ามจัดกิจกรรมต่างๆ ตามเงื่อนไขที่ ศบค. และคำสั่งของจังหวัดที่เกี่ยวข้องได้กำหนด หากพื้นที่ใดมีการปล่อยปละละเลย ก็จะพิจารณาความบกพร่องทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาดต่อไป และหากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งข้อมูล ที่สายด่วน 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชม. 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง