‘ชม’ และ ‘แช่ง’

“หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ...”

“เบี้ยรบพิเศษสำหรับนักรบเสื้อกาวน์”...ระหว่างสงครามกับเชื้อโรคร้ายโควิด 19 เราคงได้ยินคำว่า “นักรบเสื้อกาวน์ (GOWN)” กันถี่และผู้คนต่างพร้อมใจยกย่องให้ “บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข” ที่เป็นกำลังหลักสำคัญในการตรวจดูแล รักษา คนไข้โควิด-19 เป็น “ด่านหน้า” เป็น “นักรบกล้าหาญ” ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสร้ายตัวนี้

ในการเสี่ยง “ภัย” ต่อสู้กับไวรัสมหัตภัยของบุคลากรทางการแพทย์-สาธารณสุขในบางพื้นที่บางจังหวัดที่นอกจากมีอัตราการแพร่ระบาดสูงยังเป็น “พื้นที่เสี่ยง” (ต่อการก่อการร้าย) เรียกว่า “นักรบกล้าหาญ” เหล่านี้เจอ “DOUBLE เสี่ยง”

และนี่เป็นที่มาของ “เบี้ยรบพิเศษสำหรับนักรบเสื้อกาวน์” โดยธนาคารกสิกรไทยและมูลนิธิกสิกรไทย ธนาคารที่ “บริการทุกระดับประทับใจ” มอบเงินสนับสนุนเป็น “ขวัญกำลังใจ” นำร่องให้โรงพยาบาลรัฐจำนวน 45 แห่งใน 5 จังหวัดภาคใต้โดยร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ ม.สงขลาและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา ยะลา นราธิวาส ปัตตานี และสตูล รวบรวมบุคลากรที่เข้าข่าย (จำนวน 5,083 คน)

แต่ละคนจะได้รับเงิน “พิเศษ” เดือนละ 4,000 บาทเป็นเวลา 3 เดือน “เบี้ยรบพิเศษ” นี้เป็น “ขวัญกำลังใจ” โดยแท้

ก็ต้องยกเครดิต “ความคิดดีๆ” ส่วนหนึ่งให้กับท่านประธานกิตติคุณธนาคารกสิกรไทย และประธานกรรมการมูลนิธิกสิกรไทย ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันคือ บัณฑูร ล่ำซำ นักธุรกิจหัวก้าวหน้าและแม้จะดูเหมือนวางมือจาก
ธุรกิจ-สังคมเมืองหลวงไปแสวงหา “รักษ์ป่าน่าน” ตามรอยอดีตชาติที่เชื่อว่าเป็นเจ้าชาย “สิเนหามนตาแห่งลานนา”

จริงๆ คุณบัณฑูร ล่ำซำ ก็ยังไม่ถึงกับทิ้งสังคมเมืองหลวง และส่วนรวมนอกจังหวัดน่าน คงจะมีโครงการดีๆ ออกมาจากนักธุรกิจหัวก้าวไกลได้อีก

ในวิกฤติระลอกใหม่ของการระบาดไวรัสร้ายครั้งนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อมากขึ้น ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น และเป็นผู้ที่เรารู้จักกันมากขึ้น โควิด19 จึงเป็นโรคที่น่ากลัว และคำตอบที่เป็น “ม้าขาว” มาช่วยคือ “วัคซีน” ที่นอกจากจะทำให้ “การติดโรค” ไม่น่ากลัว (เพราะไม่ถึงตาย) ยังทำให้ผู้คนออกมาทำมาหากินได้บ้าง (ไม่อดตาย)

แต่ “วัคซีน” โดยการบริหารที่ค่อนข้างสับสน นอกจากจัดหามาไม่เก่ง จำนวนไม่พอ ยังมาบริหารการฉีดแบบ “มีกั๊ก” มี “เส้นสาย”
ก็ต้องชม “ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์” ที่ต่อสู้จน “ประชาชน” มี “ทางเลือก” (มากขึ้น เร็วขึ้น)

“ฟ้า” เปิด

ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ นายแพทย์มือดี เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เปิดโอกาสให้องค์กร เอกชน สามารถเข้าถึงวัคซีนตัวเลือก SINOPHARM ได้ทั่วถึง รวดเร็ว ยิ่งขึ้น
 

สภาอุตสาหกรรมมี “ที่พึ่ง” ให้กับโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ที่อยู่ในสภาฯ

ราชวิทยาลัย นำเข้าวัคซีนตัวเลือก ภาคเอกชน อาทิ สภาอุตสาหกรรม ปตท. ฯลฯ ซื้อกับราชวิทยาลัยฯ โดยจะขายให้แบบไม่เอากำไร

เมื่อซื้อไปแล้ว จะต้องนำไปฉีดให้แก่บุคลากร พนักงานหรือกลุ่มคนขององค์กรนั้นๆ โดยไม่มีการเก็บเงินกับผู้ได้รับการฉีดแต่อย่างไร

วัคซีนตัวเลือก SINOPHARM ลอตแรก 1 ล้านโดส มาแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน องค์กรเอกชนได้รับการจัดสรรตามลำดับจองก่อนหลัง

แน่นอนคงไม่เพียงพอ ลอต 2 อีก 2 ล้านโดส ตามมาเร็ววันนี้

เป็น “ข่าวดี” ของภาคธุรกิจที่ไม่ต้องรอความช่วยเหลือของรัฐฟรีๆ อย่างเดียว

บริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ที่ตกเป็น “ข่าว” ได้รับการช่วยเหลือจากปลัดมหาดไทย ฉัตรชัย พรหมเลิศ ถึงขนาดออกคำสั่งด่วนที่สุดถึงผู้ว่าทุกจังหวัดให้ได้รับความอนุเคราะห์สนับสนุนวัคซีนป้องกันโรคให้พนักงานบริษัท 40,000 กว่าคน ครอบครัวของพนักงานอีกเกือบ 30,000 คน โดยปลัดมหาดไทยแจ้งว่าได้บอกกระทรวงสาธารณสุขให้พิจารณาสนับสนุนวัคซีนกับบริษัทฯ เรียบร้อยแล้ว

เรื่องนี้คงเป็น “ขี้ปาก” และทำความเจ็บช้ำน้ำใจกับบุคลากรทางการแพทย์ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ที่ยังรอ “วัคซีน” และบริษัทอื่นๆที่รอคิวรัฐหรือรอซื้อ SINOPHARM ก็สงสัย

ยามวิกฤติของบ้านเมือง มีแต่ผู้แข็งแรงที่จะต้องช่วยกัน ถ้าผมเป็น “เจ้าสัว” ผู้ยิ่งใหญ่ คงเรียก “ลูกน้อง” ต้นคิดมาเขกกบาล แค่จะประหยัดให้ “นาย” ไม่กี่ล้านบาท ไม่น่าคุ้มกับ “ชื่อเสียง” นายที่สร้างมา

ส่วน “ปลัดฉิ่ง” เกษียณเร็วๆนี้ คงเข้าพรรครัฐบาลตามฟอร์ม ตอนนี้จะสร้าง “บารมี” ต้องระวังหน่อย

ดีนะ ที่ยกเลิกคำสั่งทัน ให้จังหวัดคุยกับสาธารณสุขก่อน (ฮา)

ตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทย จ้องกันอยู่หลายคนนะครับ

หน้า 14-15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,690 วันที่ 24 - 26 มิถุนายน พ.ศ. 2564 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

• อโควิโท 
• ‘บริหารอย่างมีระบบ’   
• ‘เมย์’ คัมแบ็ก 
• ‘เปิดอุโมงค์’ 
• ‘ฝ้าย’ ซินเจียง