“ซิปเม็กซ์” หนุนไทยศูนย์กลางสกุลเงินดิจิทัลอาเซียน

16 เม.ย. 2564 | 18:07 น.
732

“ซิปเม็กซ์” หนุนไทยศูนย์กลางสกุลเงินดิจิทัลอาเซียน เดินหน้าผนึกพันธมิตร-ลูกค้าสืบสานประเพณีไทย มั่นใจเติบโตก้าวกระโดด

ดร.เอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล กล่าวว่า ซิปเม็กซ์เติบโตอย่างแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การเริ่มทำการค้าครั้งแรกในปี 2562ในโอกาสวันปีใหม่ไทยครั้งนี้ซิปเม็กซ์จึงใช้โอกาสนี้เพื่อแสดงความขอบคุณซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมองค์กรของบริษัท

ประเทศไทยยังคงเป็นศูนย์กลางการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคและหวังให้ประเทศไทยเจริญรุ่งเรืองในเวทีนี้และเป็นศูนย์กลางของสกุลเงินดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คณะผู้บริหารระดับสูงของซิปเม็กซ์จึงเดินทางมาบริจาคสิ่งของและกราบมนัสการขอพรสมเด็จมหารัชมงคลมุนี (เจ้าคุณธงชัย) วัดไตรมิตรวิทยาราม หรือวัดพระทองคำ เพื่อเป็นสิริมงคลเนื่องในวันปีใหม่ไทยให้กับบริษัทและลูกค้า

ทั้งนี้แผนการจัดกิจกรรมเดิมจะนำลูกค้าของซิปเม็กซ์เข้ากราบมนัสการขอพร แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้กิจกรรมดังกล่าวถูกเลื่อนออกไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

“ซิปเม็กซ์” หนุนไทยศูนย์กลางสกุลเงินดิจิทัลอาเซียน

อย่างไรก็ดีในปีนี้ซิปเม็กซ์ตั้งเป้าที่จะเติบโตอย่างทวีคูณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมูลค่า (Market Cap) ของ ZMT ได้สร้างสถิติใหม่ที่ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงปีใหม่ไทย ปัจจุบันสินทรัพย์ภายใต้การจัดการของบริษัทมีมูลค่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ

ความร่วมมือล่าสุดกับแบรนด์ระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดเช่น Renazzo Motor ตัวแทนจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์ลัมโบร์กินีอย่างเป็นทางการ รายเดียวในประเทศไทย และการพัฒนา NFT ในประเทศไทยสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ พร้อมกับข้อเสนอที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทั่วภูมิภาคเอเชีย

“แม้ในปีที่ผ่านมาจะมีอุปสรรค์และความท้าทายเช่นการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ซิปเม็กซ์ก็ยังเติบโต และประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ZMT โทเค็นดิจิทัลของซิปเม็กซ์ที่ก้าวขึ้นทำสถิติสูงสุดตลอดกาล (All-Time-High) และยังเป็นพันธมิตรกับ Major Cineplex และ Renazzo Motor ในการเดินหน้าธุรกิจด้วย”

สำหรับ “ซิปเม็กซ์” เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่เดียวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานภาครัฐถึง 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคนี้ โดยมุ่งเน้นมุ่งเน้นการให้บริการนักลงทุนรายย่อยและสถาบัน และมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ความรู้ และเพิ่มคุณค่าให้กับประชาชนทั่วไปเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเสริมสร้างความมั่งคั่ง โดยมีเป้าหมายเพื่อมอบประสบการณ์ที่นอกเหนือจากการเงิน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :