นักวิชาการหนุนคลังปรับโครงสร้างภาษียาสูบเสนอเก็บภาษีมูลค่าอัตราเดียว

09 ก.พ. 2564 | 16:05 น.
626

นักวิชาการหนุนคลังปรับโครงสร้างภาษียาสูบเสนอเก็บภาษีมูลค่าอัตราเดียวตามหลักสากล และเหมาะสมกับกำลังซื้อผู้บริโภค

นายอรรถกฤต ปัจฉิมนันท์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษียาสูบและได้รับทุนวิจัยเกี่ยวกับนโยบายภาษียาเส้นจากศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) เปิดเผยว่า การปรับโครงสร้างภาษียาสูบใหม่ต้องคำนึงถึงโครงสร้างภาษีที่ดีตามหลักสากลที่องค์การอนามัยโลก (WHO)และธนาคารโลกมีขอเสนอแนะไว้ 4 ข้อ ได้แก่ 1.ควรใช้ภาษีอัตราเดียวสำหรับสินค้าประเภทเดียวกัน ,2.ให้ความสำคัญกับการเก็บภาษีตามปริมาณมากกว่าตามมูลค่า ,3.เก็บภาษีสินค้าทดแทนที่มีอันตรายเหมือนกันในอัตราเท่าเทียมกัน

และ 4. ทยอยปรับขึ้นภาษียาสูบอย่างสม่ำเสมอ แต่โครงสร้างภาษียาสูบในปัจจุบันยังไม่สอดคล้องกับหลักการนี้ จึงทำให้เกิดผลกระทบต่อทั้งรายได้รัฐและอุตสาหกรรมยาสูบ ในขณะที่คนสูบไม่ได้ลดลงเท่าไหร่

              ทั้งนี้ ความท้าทายของระบบภาษียาสูบในปัจจุบันมาจากการกำหนดอัตราภาษีตามมูลค่า 2 ระดับ สำหรับบุหรี่ที่มีราคาถูกกว่า 60 บาท ที่ 20% และราคาแพงกว่า 60 บาท ที่ 40% ซึ่งสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการต่างกำหนดราคาบุหรี่ไม่ให้เกิน 60 บาท เพื่อไม่ให้เสียภาษีในอัตราที่สูง ส่งผลให้การยาสูบแห่งประเทศไทยแข่งขันไม่ได้ กลายเป็นผลกระทบต่อโควตารับซื้อใบยาของชาวไร่ยาสูบตามมา

อรรถกฤต ปัจฉิมนันท์

นอกจากนี้ ในสถานการณ์ที่สินค้าทดแทนบุหรี่ ได้แก่ ยาเส้น ยังเสียภาษีในอัตราที่ต่ำกว่าบุหรี่มาก การขึ้นภาษีบุหรี่ในอัตราที่สูงกว่าการขยายตัวของกำลังซื้อของผู้บริโภคหลายเท่าตัวในช่วงปี 2560 และที่ได้กำหนดไว้ในเดือนตุลาคม 2564 จะยิ่งส่งเสริมให้เกิดพฤติกรรมการเปลี่ยนไปสูบยาเส้นเพื่อทดแทนการสูบบุหรี่ยิ่งขึ้นตามมา

สำหรับข้อเสนอเพื่อให้กระทรวงการคลังและกรมสรรพสามิตพิจารณาใช้ประกอบการปรับโครงสร้างภาษียาสูบ ประกอบด้วย

1.กำหนดโครงสร้างภาษีมูลค่าแบบบุหรี่อัตราเดียวแทนการใช้อัตราภาษีมูลค่า 2 อัตรา โดยอัตราภาษีมูลค่าอัตราเดียวที่เหมาะสมกับกำลังซื้อของผู้บริโภคในปัจจุบัน เช่น อัตราภาษี 23%  เพราะนอกจากจะทำให้รายได้ภาษีสรรพสามิตยาสูบเพิ่มขึ้น และยังทำให้ราคาบุหรี่ปรับเพิ่มขึ้น 3-4 บาท ไม่มากจนเกินไป สอดคล้องกับกับกำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วงสถานการณ์โควิด-19 (Covid-19) รวมทั้งจะช่วยเพิ่มความหลากหลายด้านราคาของบุหรี่ ลดการกระกระจุกตัวที่ราคา 60 บาทต่อซอง และส่งผลดีต่อการขายใบยาสูบของชาวไร่ยาสูบที่ขายให้กับการยาสูบฯ

2.เพิ่มสัดส่วนภาษีปริมาณ โดยการขึ้นภาษีบุหรี่ในระยะต่อไปหลังจากที่รวมอัตราภาษีมูลค่าเป็นอัตราเดียวแล้ว กรมสรรพสามิตควรพิจารณาขึ้นอัตราภาษีปริมาณเป็นหลัก เพื่อเพิ่มสัดส่วนของภาษีปริมาณต่อภาระภาษีทั้งหมด เนื่องจากง่ายต่อการจัดเก็บภาษีและมีประสิทธิภาพในการควบคุมการบริโภคมากกว่าภาษีมูลค่า

3.กำหนดแผนการปรับขึ้นอัตราภาษียาเส้นควบคู่ไปกับการปรับขึ้นภาษีบุหรี่ โดยอัตราภาษียาเส้นควรอยู่ในระดับที่เท่ากันกับอัตราภาษีบุหรี่ เพื่อส่งผลให้สามารถควบคุมการบริโภคยาสูบได้มีประสิทธิภาพ และเพิ่มรายได้รัฐตามมาด้วย

“เห็นด้วยกับแนวทางการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ของกรมสรรพสามิต เมื่ออัตราภาษีมูลค่า 2 อัตรา ใช้มา 3 ปีแล้ว ไม่ได้ผลตามที่ตั้งเป้าไว้ ก็ถึงเวลามาตั้งต้นใหม่ โดยหาจุดสมดุลระหว่างนโยบายด้านสุขภาพและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมยาสูบ สิ่งสำคัญคือ การปรับโครงสร้างต้องอิงหลักสากลหรือดูตัวอย่างประเทศที่มีระบบภาษียาสูบที่ดีแล้วเอามาประยุกต์ใช้บริบททางเศรษฐกิจและสังคมของไทยให้เหมาะสม”

 นายอรรถกฤต กล่าวต่อไปอีกว่า กระทรวงการคลังควรกำหนดแผนการปรับขึ้นภาษีบุหรี่และยาเส้นระยะยาวให้เป็นขั้นเป็นตอน เพื่อให้มีการปรับขึ้นภาษียาสูบได้อย่างสม่ำเสมอและลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมยาสูบ รวมทั้งช่วยให้เกษตรกรมีเวลาในการปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

www.เราชนะ.com คลัง ถาม-ตอบทบทวนสิทธิ์เราชนะ7,000บาท ได้ถึงวันไหน เช็กที่นี่

กระทรวงอุตสาหกรรมผุด STARTUP CONNECT ตั้งเป้าขยายลงทุน 500 ล้าน

เปิดข้อมูลผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 189 ราย

ยอดติดเชื้อโควิด 9 ก.พ.64 รายใหม่ 189 ในประเทศ 179 หายป่วยเพิ่ม 956 ราย

หมอยงแจงข้อสงสัยการตรวจวัดภูมิต้านทานก่อน-หลังฉีดวัคซีนโควิด-19