“นิพนธ์”ลงพื้นที่ ติดตามแก้น้ำเสียคลองสำโรง

14 มิ.ย. 2563 | 13:38 น.
อัปเดตล่าสุด :15 มิ.ย. 2564 | 18:45 น.

“นิพนธ์”นำองค์การจัดการน้ำเสีย ลงพื้นที่คลองสำโรง-หาดเก้าเส้ง จ.สงขลา เร่งติดตามแก้ไขปัญหาน้ำเสีย หวังฟื้นฟูคืนสภาพโดยเร็ว

 

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.2)​ ลงพื้นที่ติดตามและรับฟังแนวทางการแก้ไขคลองสำโรง จากเจ้าหน้าที่องค์การจัดการน้ำเสีย  ซึ่งนำโดยนายชีระ วงศ์บูรณะ ผู้อำนวยการจัดการน้ำเสีย ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ อจน. พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ ตัณติเศรณี นายกเทศบาลนครสงขลา และนายไชยพร  นิยมแก้ว นายอำเภอเมืองสงขลา  ณ บริเวณปากคลองสำโรง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา 

ทั้งนี้หลังจากที่สำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา และองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ได้นำรถแบคโฮคอยาว มาทำการขุดลอกขยายปากร่องน้ำคลองสำโรงให้กว้างขึ้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ยังได้ทำการปรับภูมิทัศน์พื้นที่บริเวณชายหาดคลองสำโรงดังกล่าว เพื่อปรับทัศนียภาพความสวยงามของปากคลองสำโรง อีกด้วย

นายนิพนธ์ กล่าวว่า คลองสำโรงเป็นคลองที่เชื่อมระหว่างเทศบาลนครสงขลากับเทศบาลเมืองเขารูปช้าง เป็นเส้นทางสัญจรมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลแล้ว และเชื่อมระหว่างทะเลอ่าวไทยกับทะเลสาบสงขลา ทำให้คลองสำโรงนี้มีความเป็นมายาวนานคู่กับประวัติศาสตร์เมืองสงขลา ซึ่งเดิมเราใช้เส้นคลองสายนี้เป็นเส้นทางการค้าขาย หรือการเข้ามาของเรือสำเภา โดยก่อนหน้านี้คลองสำโรงเป็นคลองที่เรียกว่าเป็นทั้งเส้นทางท่องเที่ยว เมื่อชุมชนมีมากขึ้น เส้นทางแห่งนี้ก็เริ่มมีปัญหาในเขตชุมชนหนาแน่นขึ้น จึงต้องมีการวางแผนเรื่องการบำบัดน้ำเสียโดยน้ำที่ใช้แล้วเมื่อก่อนไม่มีระบบบำบัดน้ำเสีย ฉะนั้น เมื่อบ้านเรือนหนาแน่นมากขึ้น ก็เป็นเหตุให้น้ำเสียไหลลงสู่คลองสำโรงมากขึ้นประกอบกับฤดูกาลของต้นน้ำตื้นเขิน เมื่อมีลมมรสุมพัดเข้ามาก็จะเอาทรายมาปิดปากร่องน้ำ จนทำให้น้ำไม่สามารถเข้ามาระบาย หรือถ่ายเทได้ จึงทำให้เกิดน้ำขัง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เรามีน้ำเสียมากขึ้น ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นที่จะต้องฟื้นฟูคลองสำโรง ให้กับมาเป็นน้ำใสให้ได้ จึงต้องมาดูแลสิ่งแวดล้อมในชุมชนมากขึ้น 

“ผมจึงมอบนโยบายให้กับองค์การกำจัดน้ำเสีย ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงมหาดไทย มาทำการศึกษาออกแบบสำรวจตลอดเส้นทางในคลองสำโรงทั้งหมดว่ามีมาตรการอย่างไรบ้างในการทำให้คลองสำโรงมีคุณภาพน้ำที่ดีและสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับเมืองสงขลาและเขารูปช้าง”

“นิพนธ์”ลงพื้นที่ ติดตามแก้น้ำเสียคลองสำโรง

ในเบื้องต้น  จึงต้องขอขอบคุณองค์การจัดการน้ำเสียที่ได้มาสำรวจออกแบบและทราบว่าในปี 2564 ก็จะมีงบประมาณก้อนแรกเข้ามาดูแลในการที่จะรวบรวมน้ำเสียฝั่งเขตเทศบาลนครสงขลาก่อน ในการที่จะรวบรวมเข้าท่อบำบัดจะไม่ให้ปล่อยลงไปในคลองสำโรง แต่ว่าส่วนหนึ่งบ้านที่อยู่ริมคลองจะเป็นปัญหาอุปสรรคอยู่ จึงต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทั้งสองฝั่งคลองให้ช่วยกันดูแลระบบนิเวศช่วยกันดูแลการจัดการน้ำเสียครัวเรือน 

ส่วนไหนที่จะทำให้น้ำเคลื่อนตัวได้ก็จะทำให้เกิดการหมุนเวียนของน้ำ ส่วนไหนที่ไม่มีการเคลื่อนไหวก็จะทำให้เกิดน้ำเสีย นานไปเข้าก็จะเกิดผลกระทบต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชนจึงอยากจะขอเชิญชวนพี่น้องใครมีมาตรการ หรือ จุลินทรีย์อันใดที่ช่วยกำจัดน้ำเสียได้ ก็อยากให้ช่วยกันดูแลน้ำเสียในบริเวณชุมชนของแต่ละคน 

“ที่สำคัญไม่ว่าเราจะมีมาตรการอย่างไรในการที่จะดูแลระบบน้ำเสีย ถ้าพี่น้องประชาชนทั้งสองฝั่งคลองไม่ให้ความร่วมมือก็ยากที่จะประสบความสำเร็จจึงถือโอกาสนี้ขอความร่วมมือและช่วยกันดูแลให้คลองสำโรงแห่งนี้เป็นคลองน้ำใสให้ได้"

“นิพนธ์”ลงพื้นที่ ติดตามแก้น้ำเสียคลองสำโรง

ขณะที่ นายชีระ วงศบูรณะ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย กล่าว แผนแม่บททั้งหมดที่เทศบาลนครสงขลามีอยู่แล้ว เริ่มตั้งแต่จะหางบประมาณมาล้างท่อน้ำเสีย ซึ่งท่านรัฐมนตรีก็มองเห็นภาพรวมทั้งหมดแล้ว ยังเหลือก็แต่ขั้นตอนปฏิบัติ และความร่วมมือจากประชาชน ซึ่งก็จะเริ่มใน 2564 

ส่วนการก่อสร้างส่วนเพิ่มเติม เพราะมีบางส่วนที่ท่อน้ำเสียไหลลงคลองสำโรง ซึ่งเราก็จะไม่ทำให้น้ำเสียไหลลงคลองสำโรง การล้างท่อยังต้องใช้ระยะเวลาทำ เพราะจะคิดในเรื่องของงบประมาณในการล้าง แต่ก็จะพยายามและช่วงนี้ก็อยู่ในจังหวะที่พอดี เราได้รับคำแนะนำจากท่านนายกสมศักดิ์  ว่าเราควรจะมาทำความสะอาดกันสักครั้งหนึ่ง ส่วนนักวิชาการทั้งสองท่านก็มีข้อมูล ซึ่งก็จะนำข้อมูลมาสู่การปฏิบัติ และก็ได้มีการศึกษามาแล้ว ก็จะได้นำมาประยุกต์ใช้ร่วมกัน 

นอกจากนี้ ได้นำอุปกรณ์ เครื่องตรวจวัดน้ำมาทำการตรวจวัดน้ำในบริเวณปากคลองสำโรง พบว่าจากการเปิดปากน้ำให้น้ำทะเลไหลเข้ามาแล้ว ทำให้ค่าอ๊อกซิเจนในน้ำมีปริมาณที่มากกว่าที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ซึ่งจะทำให้สัตว์น้ำสามารถอยู่ได้ พร้อมกันนี้ยังได้นำจุรินทรีย์ มาหย่อนลงในคลองสำโรง เพื่อช่วยบำบัดน้ำเสียและส่งกลิ่นเหม็น ในการแก้ไขปัญหาบรรเทาความเดือดร้อน อันเนื่องจากน้ำเน่าเสีย ให้แก่พี่น้องประชาชนตลอดคลองสำโรง