นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการศึกษาผลกระทบภัยธรรมชาติ (แผ่นดินไหว) ในอดีตของประเทศไทยผ่านเหตุการณ์ สึนามิในช่วงปลายปี 2004 พบว่าหลังจากเปิดทำการตลาดหุ้นไทยปรับลง 2.2% และใช้ระยะเวลาเพียง 4 วันทำการกลับมา ณ ระดับก่อนเกิดสึนามิ
ในช่วงเวลาดังกล่าวพบว่าหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกจะได้แก่กลุ่ม Defensive (BDMS) กลุ่มก่อสร้าง (SCC) กลุ่มส่งออก (TU) แต่หุ้นที่ Underperform ได้แก่โรงแรม (MINT -5%) กลุ่มธนาคาร (BBL -3.7% KBANK -3%)
ขณะที่กรณีศึกษาของญี่ปุ่นพบว่าในช่วงปี 2011 ญี่ปุ่นได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 9 ริกเตอร์ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นตึกถล่มราว 1.2 แสนตึก และความเสียหายรวม 9.8 แสนหลังคาเรือนสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจราว 3.5 แสนล้านบาท สำหรับผลกระทบต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่นพบว่าใน 1 สัปดาห์ปรับลง 16% โดยกลุ่มที่รับผลกระทบได้แก่ อสังหา ค้าปลีก และสายการบิน เป็นต้น
ในส่วนกลุ่มก่อสร้าง Outperform และใช้ระยะเวลากว่า 21 เดือนในการกลับมาจุดเดิมก่อนเกิดเหตุการณ์ สำหรับรอบที่ 2 เกิดในช่วงต้นปี 2024 เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวเขย่าจังหวัดอิชิคาระวะทำให้ถนนหลายสายเกิดรอยแตกร้าว อาคารบ้านเรือนถล่ม แต่อย่างไรก็ตามกับตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับลงราว 2.6% และใช้ระยะเวลาเพียง 2 วันทำการกลับขึ้นไปก่อนระดับเดิม โดยสรุปก็คือผลกระทบต่อตลาดหุ้นจะมากหรือน้อยขึ้นกับความแรงต่อเศรษฐกิจ
กลับมาที่ตลาดหุ้นไทยผลกระทบจากแผ่นดินไหวยังค่อนข้างจำกัดต่ออาคารสิ่งปลูกสร้าง อย่างน้อยก็ยังไม่ได้เห็นอาคารสิ่งปลูกสร้างในกรุงเทพพังถลายลงมาก อาจมีบ้าง เช่น สำนักการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แต่ส่วนที่เหลือยังค่อนข้างปกติ แต่คอนโดต่างๆ เผชิญกับปัญหารอยแตกร้าวและเสียความเชื่อมั่นจากผู้อาศัย ซึ่งจะกระทบกับอุปสงค์ในอนาคต
โดยเฉพาะอสังหาฯ ที่มีคอนโดเป็นส่วนประกอบเยอะอย่าง (ORI) จากข้อมูลพบว่า มูลค่าเศรษฐกิจไทยอยู่ที่ 18 ล้านล้านบาท โดยที่ตลาดอสังหาฯ มูลค่าอยู่ที่ 1.1 ล้านล้านบาท ก็อาจพอคำนวนคร่าวๆ ได้ว่าคิดเป็น 6% ของ GDP หากพิจารณาในเบื้องต้นก็อาจสร้าง Downside ต่อเศรษฐกิจไม่ได้มากนัก
นอกเหนือจากนี้กลุ่มท่องเที่ยวก็มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบและมีผลต่อเศรษฐกิจไทย ด้วยเดิมทีความน่าสนใจของประเทศไทยถูกลดเสน่ห์ลงไปบ้างสะท้อนผ่านการมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่น้อยลงนับตั้งแต่ต้ยปีจนถึงปัจจุบัน (YTD) ขยายตัวเพียง 3% จากปีก่อน 15% และนักท่องเที่ยวจีนกลับเดินทางไปญี่ปุ่นมากกว่าระดับก่อนโควิด-19
สวนทางกับไทยที่ยังต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด-19 เมื่อประกอบกับแผ่นดินไหวอาจทำให้นักท่องเที่ยวบางส่วนชะลอการมาท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ หากเหตุการณ์แผ่นดินไหวไม่ได้เกิดขึ้นอีกทางฝ่ายก็เชื่อว่าจะกระทบกับการท่องเที่ยวระยะสั้น แต่การจะเติบโตข้างหน้าเป็นอีกปัจจัย
ดังนั้น การลงทุนกลุ่มได้ประโยชน์อาจมองไปที่ ค้าปลีกที่เกี่ยวข้องกับซ่อมแซมบ้าน อาทิ HMPRO GLOBAL และ DOHOME, ปูน เช่น SCCC รวมไปถึงกลุ่มที่ผลกระทบจำกัดอย่างโรงพยาบาล (BDMS) สื่อสาร (ADVANC TRUE)
และควรระมัดระวังในหุ้นอสังหา (ผลกระทบหนักสุด) และล่าสุดกระทรวงการคลังได้เตรียมออกมาตรการมารองรับและยังยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยยังมีความแข็งแกร่งและมีเสถียรภาพ