การประชุมผู้ถือหุ้นของ GULF และ อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2568 เวลา 15.30 น. ได้มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการควบรวมกิจการตามแผนที่กำหนดไว้
โดยหลังการควบรวม GULF และ INTUCH จะใช้ชื่อใหม่ว่า “บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)” ยังคงใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า GULF มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 และจะกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้งในวันที่ 3 เมษายน 2568
ทั้งนี้ มีการพิจารณากำหนดทุนจดทะเบียน 14,939 ล้านบาท ทุนชำระแล้ว 14,939 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 14,939 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
นอกจากนี้ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้มีการประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อเวลา 11.00 น.เมื่อวันที่ 25 มี.ค.2568 ซึ่งจัดขึ้นก่อนที่จะประชุมผู้ถือหุ้นร่วมกัน 2 บริษัท โดยมีผู้ถือหุ้นได้สอบถามประเด็นผลของการควบรวมกับ INTUCH จะมีผลต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคตอย่างไร รวมถึงจะมีผลต่อการจ่ายปันผลของบริษัทใหม่อย่างไร
นาย สารัชถ์ รัตนาวะดี รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ GULF ชี้แจงว่า ธุรกิจของกลุ่มกัลฟ์ปัจจุบันแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่
ทั้งหมดดำเนินไปตามเป้าหมายและสามารถสร้างรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับการควบรวมกับ INTUCH ซึ่งถือหุ้นใหญ่ใน AIS (แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส) นั้น ถือเป็นการเสริมแกร่งทางธุรกิจโดยตรง เพราะ AIS มีกำไรสูงกว่าเป้าหมาย จากปกติกว่า 26,000 ล้านบาทต่อปี ในปีที่ผ่านมาเพิ่มเป็นกว่า 30,000 ล้านบาท
จึงขอแจ้งกับผู้ถือหุ้นในรอบสุดท้ายว่าจะเปลี่ยนชื่อบริษัทกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เป็น บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) โดยใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ GULF ซึ่งการควบรวมจะมีผลวันที่ 1 เม.ย. 2568 และจะกลับมาทำการเปิดซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 3 เม.ย.2568
ยืนยันว่าหลังควบรวมจะสร้างรายได้ให้กลุ่มกัลฟ์มากขึ้น โดยจะเติมเต็มโครงสร้างพื้นฐานอินฟราสตรัคเจอร์ โทรคมนาคม ดาต้าเซ็นเตอร์ และการเงิน มุ่งสู่ธุรกิจแห่งอนาคต ซึ่งดาต้าเซ็นเตอร์ปัจจุบันมีกำลังผลิต 24 เมกะวัตต์ ที่มีเป้าหมายจะสร้างเสร็จในไตรมาส 2 ปี 2568 ขณะนี้มีลูกค้าจองเต็มหมดแล้ว และจะขยายในเฟสต่อไปซึ่งกำลังการผลิตจะมากกว่าเดิม