นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) เปิดมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยว่า ในระยะนี้ต้องยอมรับว่าตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมีความอ่อนไหวมาก ทั้งจากปัจจัยภายนอก อย่างนโยบายการบริหารประเทศของทรัมป์ รวมไปถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจในประเทศ
อีกทั้งในช่วงนี้เข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ทำให้ก่อนหน้านี้มีการใส่ความคาดหวังเข้าไปในหุ้นรายตัวโดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ค่อนข้างมาก และหากว่าเมื่อผลงานโดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ (บิ๊กแคป) ออกมาไม่ได้สวยหรูอย่างที่คาดหวังนักก็อาจกดดันให้เกิดแรงขายทำกำไรออกมา ซ้ำเติมตลาดหุ้นไทยให้ทรุดลงไปอีก
โดยสังเกตได้ว่าภายหลังจากที่หุ้น บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ประกาศผลการดำเนินงานออกมาผิดจากที่ตลาดคาดหวังไว้ ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. 68 เป็นต้นมา และต่อเนื่องมาถึงวันที่ 17 ก.พ.68 ซึ่งนับว่าร่วงหนักที่สุดนับตั้งแต่เปิดต้นปี 68 นี้มา โดยลดลงมาถึง 26.50 บาท กดดันราคาหุ้นลงมาสุ่ระดับ 86.50 บาท
ล่าสุดปิดตลาดวันที่ 18 ก.พ. 68 ราคาหุ้น DELTA ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 77.75 บาท หรือลงมาอีก 8.75 บาท หรือ -10.12% แม้ว่า Downside จะเริ่มจำกัดลง แต่ด้วย DELTA เป็นหุ้นบิ๊กแคปที่ราคาหุ้นเฉลี่ย 1 บาท จะมีผลต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยราว 1 จุด ซึ่งหากว่าตัดหุ้น DELTA ออกดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงเขียวได้อยู่
นอกจากนี้ จากการปรับตัวลดลงของหุ้น DELTA ยังถ่วงบรรยากาศการลงทุนในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลดลงตามไปด้วย ทั้ง HANA CCET และ KCE เฉลี่ยราว 2% อย่างไรก็ตาม มองว่าหลุ่มหุ้นที่แข็งแกร่งที่สุดในตลาดเวลานี้ เช่น ADVANC INTUCH GULF และ TRUE ยังคงพยายามช่วยพยุงตลาดหุ้นไทยอยู่
"ในระยะสั้นทางฝ่ายประเมินกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยไว้ที่ระดับ 1,250-1,280 จุด ก่อนหน้านี้การย่อตัวของตลาดหุ้นไทยอาจเลยป้ายไปหน่อยแต่ก็ยังคงดึงกลับมาได้ แต่ถามว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะกลับขึ้นมาเป็นขาขึ้นเมื่อไหร่ เวลานี้เป็นจุดต่ำสุดแล้วหรือยัง ก็ต้องบอกเลยว่าเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก เพราะความผันผวนเป็นไปตามปัจจัยรายวัน ไม่แน่นอน ขณะเดียวกันความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทยก็ดูหมดแรงไปต่อ"
ในระยะถัดไปก็ยังคงเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังคงมีความผันผวนอยู่ ซึ่งเป็นไปตามปัจจัยรายวัน และในหุ้นรายตัว โดยเฉพาะหุ้นบิ๊กแคป หากว่าราคาหุ้นปรับตัวลดลงมากๆ ก็จะกลับมาฉุดดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงลงแรงได้อีก SET Index ถอยลงเรื่อยๆ ในทางเทคนิเคิล โดย Low ในช่วงโควิดระบาดอยู่แถวๆ ระดับ 1,180-1,187 จุด เป็นจุดของการยกฐาน
ขณะที่จุด Buttom สุด คือ 970 จุด แต่มองว่าดัชนีคงไม่ไหลแรงไปสู่ระดับนั้นในระยะเวลาอันสั้น แต่อย่างไรก็ดีอะไรก็ไม่แน่นอน เพราะตลาดหุ้นไทยในเวลานี้ยังขาดความเชื่อมั่น คนที่มีหุ้นก็พร้อมที่จะขายออกตลอดเวลา อีกทั้งมองว่าเมื่อหุ้นแบงก์มีการจ่ายปันผลแล้วเสร็จอาจเห็นแรงขายหุ้นกลุ่มแบงก์มากดดันตลาดต่ออีก ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยเวลานี้สามารถหลุดได้ทุกแนวรับ ในทางเทคนิเคิลรีบาวด์มองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยอาจต้องพยายามดันกลับมาให้ได้อยู่ที่ระดับ 1,330-1,340 จุด
ด้วยภาวะตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจนไร้แนวรับ ทำให้มองว่ากลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสุดในเวลานี้ อาจต้องปรับเป็นการเก็งกำไรระยะสั้นที่ต้องใช้ความเร็วมากๆ ในช่วงที่ตลาดหุ้นยืนแดนลบ และขายทำกำไรในช่วงที่ตลาดดีดตัวบวก และไม่แนะนำให้ไล่ราคา