ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นการปรับปรุงคำนวณดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยมองว่าดัชนี SET50 และ SET100 ทำหน้าที่เป็นตัวชี้วัดความเคลื่อนไหวของราคาหลักทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ และมีสภาพคล่องสูง
ซึ่งดัชนีเหล่านี้ถูกใช้เป็นเกณฑ์อ้างอิงสำหรับการลงทุนในกองทุนรวม ตราสารอนุพันธ์ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่น อีกทั้งยังเป็นดัชนีที่ได้รับการติดตามจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดโดยรวม
ในปัจจุบัน ดัชนีดังกล่าวใช้วิธีการคำนวณแบบ Market Capitalization Weight ซึ่งให้สัดส่วนน้ำหนัก โดยคำนวณตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ของแต่ละหลักทรัพย์ในดัชนีเป็นหลัก วิธีการดังกล่าวแม้ว่าจะสามารถสะท้อนขนาดและความสำคัญของแต่ละหลักทรัพย์ได้
ทั้งนี้ พบว่าในบางกรณีหลักทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่จะมีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีสูง ซึ่งอาจทำให้ดัชนีไม่สะท้อนภาพรวมของตลาดเท่าที่ควร และส่งผลกระทบต่อการกระจายความเสี่ยงของนักลงทุน เพื่อลดปัญหาดังกล่าว ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงมีแนวคิดที่จะศึกษาและปรับปรุงวิธีการคำนวณดัชนี SET50 และ SET100
"วัตถุประสงค์เพื่อลดผลกระทบของดัชนีจากหลักทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่และทำให้ดัชนีมีการกระจายตัวของน้ำหนักหลักทรัพย์ที่เหมาะสมมากขึ้น ในการนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง โดยท่านสามารถให้ความเห็นหรือข้อเสนอแนะเพิ่มเติมต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568"
เพื่อแก้ปัญหาหลักทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลมากต่อดัชนี ตลาดหลักทรัพย์หรือผู้จัดทำในต่างประเทศจึงเลือกใช้การกำหนด Capped Weight ในการคำนวณดัชนี เพื่อจำกัดสัดส่วนของหลักทรัพย์/กลุ่มหลักทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยการจำกัดน้ำหนักของหลักทรัพย์ในดัชนีนั้น
ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้ในหลายดัชนีทั่วโลก เช่น EuroStoxx50, HSI, MSCI, CAC40, NASDAQ100 และ Nikkei225 เป็นต้น จากการศึกษาจากดัชนีชั้นนำในต่างประเทศ การใช้ Capped Weight สามารถดำเนินการได้หลายแนวทาง โดยพิจารณาใน 2 มิติหลัก ได้แก่ การจำกัดน้ำหนักในระดับรายหลักทรัพย์ และ/หรือ กลุ่มหลักทรัพย์
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เสนอให้พิจารณาจำกัดน้ำหนักหลักทรัพย์รายตัว (Constituent Stock Weight Capping) เพื่อช่วยลดอิทธิพลของหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ต่อดัชนี เนื่องจากเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับผลการหารือเบื้องต้นกับผู้ใช้งานดัชนีและผลการศึกษาต่างประเทศข้างต้น
และจะพิจารณานำ Capped Weight มาใช้กับ SET50, SET100, SET50FF และ SET100FF ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ทำการทดสอบ (Index Simulation) พบว่าการจำกัดน้ำหนักหลักทรัพย์รายตัวในดัชนี SET50 และ SET100 ที่ระดับ 10% นั้น สามารถลดอิทธิพลของหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยยังคงรักษาโครงสร้างและความสามารถในการสะท้อนภาพรวมของตลาดไว้ได้ นอกจากนี้ ระดับ 10% ยังสอดคล้องกับข้อกำหนดของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่กำหนดให้กองทุนรวมสำหรับผู้ลงทุนทั่วไป (Retail Mutual Fund) ไม่สามารถลงทุนในหลักทรัพย์รายตัวเกิน 10% (ประกาศ ทน. 87/2558)