แบงก์ชาติ แนะคลังเตรียมแผน รับลดสัดส่วนถือหุ้น "ไอแบงก์" ต่ำ 50%

10 ก.พ. 2568 | 06:00 น.
1.1 k

แบงก์ชาติ ทำหนังสือแจ้งความเห็นครม. หลังเปิดทาง ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย หรือ ไอแบงก์ สรรหาพันธมิตร เตือนกระทรวงการคลัง เตรียมแผนรองรับหากลดสัดส่วนถือหุ้นต่ำกว่า 50% คุ้มครองผู้ฝากเงิน

จากกรณีประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบการสรรหาพันธมิตรของ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) หรือ ไอแบงก์ โดยเปิดทางให้ดำเนินการสรรหาพันธมิตรร่วมลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยให้คำนึงถึงผลประโยชน์ ร่วมกันอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม และให้ความสำคัญกับการให้บริการในทุกพื้นที่ที่มีชาวไทยมุสลิม เพื่อสร้าง ความแข็งแกร่งให้กับ ธอท. ในการให้บริการทางการเงินที่ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลามนั้น 

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด เสนอเข้ามาประกอบการพิจารณาของครม. ระบุว่า ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) มีหนังสือลับ ด่วนที่สุด ลงวันที่ 27 มกราคม 2568 แจ้งว่า กระทรวงการคลัง ได้เสนอเรื่อง การสรรหาพันธมิตรของ ธอท. ให้ครม. พิจารณา โดยขอให้ ธปท. เสนอความเห็นในส่วนที่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว เพื่อประกอบการพิจารณาของ ครม. นั้น

ธปท. ขอเรียนว่า ไม่ขัดข้องต่อการสรรหาพันธมิตรของ ธอท. เนื่องจากจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินการตามพันธกิจได้อย่างมั่นคง อย่างไรก็ดี ธปท. มีความเห็นเพิ่มเติม ดังนี้

1. หากภาครัฐมีสัดส่วนการถือหุ้นต่ำกว่า 50% จะส่งผลให้ ธอท. ไม่มีสถานะเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ตามมาตรา 119 (1) แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 

ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างในการกำกับดูแล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรประกาศกำหนดให้ ธอท. เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ตามมาตรา 119 (2) นิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้นตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด โดยให้มีผลทันทีเมื่อสัดส่วนการถือหุ้นของภาครัฐลดลงต่ำกว่า 50%

2. เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการมอบหมายให้ ธปท. กำกับดูแล ธอท. และป้องกันข้อโต้แย้งเรื่องอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลของ ธปท. ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมอบหมายให้ ธปท. ทำหน้าที่ในการกำกับดูแล ธอท. ด้วย ในคราวเดียวกันกับการประกาศให้ ธอท. เป็นนิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้นตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ตามมาตรา 119 (2) หรือมอบหมายก่อนที่ ธปท. จะดำเนินการกำกับตรวจสอบ ธอท. หลังจากที่มีการประกาศให้ ธอท. เป็นนิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้นตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

3. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาประเด็นอื่น ๆ เพิ่มเติม กรณี ธอท. มีภาคเอกชนเป็นเจ้าของ เช่น แนวทางการคุ้มครองผู้ฝากเงิน การนำส่งเงินเข้ากองทุนพัฒนาสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (กองทุน SFIS) แนวทางการใช้เงินจากกองทุน SFIs รวมถึงแนวทางดำเนินการหาก ธอท. ประสบปัญหาฐานะในอนาคต เพื่อให้ ธอท. มีฐานะและการดำเนินงานสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายทุกฉบับที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ

ขณะเดียวกัน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอความเห็นว่า พิจารณาแล้วไม่ขัดข้องที่จะให้ธอท. สรรหาพันธมิตรร่วมลงทุน เพื่อให้ได้พันธมิตรที่มีความรู้ความสามารถและมีความเชี่ยวชาญด้านการเงินตามหลักศาสนาอิสลาม ที่จะสามารถมาช่วยแก้ปัญหาการบริหารจัดการของ ธอท. ที่มีปัญหาสะสม และสนับสนุนให้การออกแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้ามุสลิมได้ 

อย่างไรก็ดี ธอท.จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2545 มีสถานะเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ที่มีวัตถุประสงค์การดำเนินงานที่ชัดเจน ดังนั้น ในการร่วมทุนกับพันธมิตรดังกล่าวจำเป็นจะต้องกำหนดนโยบายในการบริหารที่ยังคงวัตถุประสงค์เดิมของการจัดตั้งด้วย

ทั้งนี้ที่ประชุมครม. ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง ธอท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับความเห็นของ ธปท. และ สศช. ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องอย่างเคร่งครัดด้วย