นายวิน พรหมแพทย์, CFA, ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด(บลจ.กสิกรไทย)เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย ยังคงดำเนินงานตามแผนภายใต้แนวคิด Top of Mind Investment House โดยยึดหลัก 1 Goal 3 Focus 5 Priorities อย่างต่อเนื่อง ให้ความสำคัญกับการวางรากฐานใน 5 ด้าน ได้แก่
รากฐานทั้งหมดจะมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การพัฒนาขีดความสามารถในการบริหารสินทรัพย์ทั่วโลก การวางโครงสร้างการลงทุนอย่างยั่งยืน และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าและคู่ค้า เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย AUM 1.80 ล้านล้านบาทในช่วงโค้งสุดท้ายปี 2567
สำหรับทิศทางการพัฒนาเพื่อการแข่งขัน บลจ.กสิกรไทย เตรียมพัฒนาโซลูชันการลงทุนกับ 2 พันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำระดับโลกทั้ง J.P. Morgan Asset Management ในฐานะ Strategic Partnership ที่มุ่งเน้นการพัฒนาขีดความสามารถในการคัดเลือกและจัดสรรสินทรัพย์ทั่วโลก
กับอีก 1 พันธมิตรที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน Lombard Odier ที่มุ่งเน้นการกำหนดยุทธศาสตร์ในการวางโครงสร้างการลงทุนอย่างยั่งยืน ซึ่งจะช่วยเติมเต็มศักยภาพการบริหารจัดการกองทุน และยกระดับมาตรฐานการทำงานในทุกมิติ
นายวินกล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจโลกว่า กลับเข้าสู่สมดุลมากขึ้น การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯมีแนวโน้มดีขึ้นในปีหน้า ด้านธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ลดดอกเบี้ยลง 0.5% เปิดโอกาสให้ธนาคารกลางประเทศอื่นๆ ปรับลดดอกเบี้ยตามไปด้วย
สำหรับตลาดหุ้นจีน การลดดอกเบี้ย และมาตรการภาคอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ที่ประกาศออกมา ทำให้ตลาดหุ้นจีนฟื้นได้ในระยะสั้น และคาดว่าจะมีมาตรการด้านการคลังออกมาเพิ่มขึ้นในระยะถัดไป
ด้านเศรษฐกิจอินเดียมีแรงขับเคลื่อนหลักจากการบริโภคในประเทศ บริษัทในอินเดียมีความสามารถในการทำกำไรสูง ด้านตลาดหุ้นเวียดนาม ยังคงดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติอย่างต่อเนื่อง การเติบโตของสินเชื่อธุรกิจและการบริโภคที่เพิ่มขึ้น หนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการส่งออก
ส่วนตลาดทองคำ ในช่วงที่ผ่านมาราคาปรับตัวขึ้นค่อนข้างมาก ทั้งจากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงเข้าใกล้การเลือกตั้ง และวัฏจักรที่ Fed ลดดอกเบี้ย บลจ.กสิกรไทย ยังคงแนะนำให้เข้าสะสมทองคำหากมีจังหวะย่อเท่านั้น
ขณะที่ตลาดหุ้นไทย ยังคงมีมุมมองเชิงบวกจากการประเมินมูลค่าหุ้น (Valuation) ซึ่งอยู่ในระดับที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับในอดีต ประกอบกับเม็ดเงินใหม่ ที่จะเข้าสู่ตลาดหุ้นจากการตั้งกองทุนวายุภักษ์
"แนวโน้มเศรษฐกิจไทยคาดว่า จะฟื้นตัวได้จากการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาล และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในช่วงปลายปีซึ่งเป็น High Season มองเป้าหมายดัชนีปลายปี 2024 ที่ระดับ 1,450-1,500 จุด และปี 2025 ที่ระดับ 1,600 จุด”
นายวินกล่าวต่อว่า บลจ.กสิกรไทย แนะนำให้ผู้ลงทุนจัดพอร์ตแบบกระจายความเสี่ยงตามหลักการ Core & Satellite Portfolio ผ่านกองทุนแนะนำจากกสิกรไทย ทั้งนี้ สำหรับ Core & Satellite Portfolio ประจำไตรมาสที่ 4/2567 จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่
สำหรับระยะเวลาการถือครองหน่วยลงทุนของกองทุนใน Core Portfolio บลจ.กสิกรไทย แนะนำให้เป็นการลงทุนระยะยาว 3-5 ปี ส่วนกองทุนใน Satellite Portfolio แนะนำให้เป็นการลงทุนระยะสั้นอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อรอประเมินสถานการณ์ตลาดในระยะถัดไป