"มาร์โค" ชี้เลือกตั้งสหรัฐฯ จุดชนวนตลาดหุ้นผันผวน คู่ค้าจีนรับผลกระทบ

26 ต.ค. 2567 | 06:00 น.

"มาร์โค สุจริตกุล" มองศึก โดนัลด์ ทรัมป์ และ กมลา แฮร์ริส ชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดือด! สร้างแรงผันผวนตลาดหุ้นเอเชีย รอเคาะบทสรุป 5 พ.ย.67 นี้ หากทรัมป์รับตำแหน่งอาจป่วนจีนต่อ กระทบประเทศคู่ค้า ชู Entertainment Complex ไทยแนวคิดดี ดึงเม็ดเงินเข้ามหาศาล

เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันก่อนการลงคะแนนเสียงการต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ในขณะเดียวกันทั้งฝั่ง "โดนัลด์ ทรัมป์" และ "กมลา แฮร์ริส" พยายามเอาชนะใจผู้ลงคะแนนเสียงในทุกๆ เรื่อง ตั้งแต่การค้าและการย้ายถิ่นฐาน

ไปจนถึงการทำแท้ง การผลิต และแม้แต่นโยบายต่างประเทศ ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่าไม่มีข้อได้เปรียบที่ชัดเจนสำหรับผู้สมัครทั้งสองคน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้ต่อไปคงได้เห็นภาพของการแสดงวิสัยทัศน์แสดงจุดยืนและนโยบายต่างๆ กันอย่างเข้าข้นมากขึ้น ก่อนการเลือกตั้งวันที่ 5 พ.ย.67 ที่กำลังจะมาถึงนี้

นายมาร์โค สุจริตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโสประจำประเทศไทย บริษัท เจพีมอร์แกน ประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ค่อนข้างเข้มข้น ทั้งฝั่งพรรครีพับลิกัน (ทรัมป์) และ พรรคเดโมเเครต (แฮร์ริส) ปัจจุบันคะแนนเสียงค่อนข้างสูสีกัน ทำให้ก็คาดเดาได้ยากว่าใครจะเป็นผู้ชนะในศึกครั้งนี้

ทั้งนี้ คนส่วนมากจะมองเห็นภาพของ "ทรัมป์" ต้องไปในแนวทางเชื่องโยกกับธุรกิจ และแน่นอนว่าหากทรัมป์ได้กลับเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งกำแพงภาษีกัดกันการค้ากับประเทศจีนจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าความเสี่ยงหลังจากนั้นอาจมีผลกระทบในวงกว้างไปทั้งทางตรงและทางอ้อมถึงประเทศคู่ค้าร่วมด้วย

\"มาร์โค\" ชี้เลือกตั้งสหรัฐฯ จุดชนวนตลาดหุ้นผันผวน คู่ค้าจีนรับผลกระทบ

ในขณะที่ "แฮร์ริส" ที่เป็นตัวแทนหมู่บ้านพรรคเดโมแครต ภาพที่คนส่วนใหญ่มอง คือ เป็นพรรคเพื่อประชาชน ดังนั้น จึงมองว่านโยบายที่ใช้ในการหาเสี่ยงส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปในด้านของภาษีเป็นหลัก และคาดว่าความเข้มข้นของสงครามการค้าจะไม่รุนแรงและมีความยืดหยุ่มมากกว่าฝั่งพรรครีพับลิกัน

"เรื่องภูมิรัฐศาสตร์ก็เป็นอีกจุดสำคัญที่สร้างแรงผันผวนให้กับเศรษฐกิจมหาภาค อย่างไรก็ดี มองว่าในช่วงที่ใกล้การเลือกตั้งประธานาธิบดีตลาดหุ้นฝั่งเอเชียซึ่งรวมถึงไทยอาจมีความผันผวน สัญญาณการกลับเข้ามาของฟันด์โฟลว์ยังมี แต่คาดว่าหลังการเลือกตั้งฯ ได้บทสรุป จะได้เห็นภาพที่ชัดเจนมากกว่านี้"

สำหรับตลาดหุ้นไทยยังคงมีความน่าสนใจอยู่ ยังมีอีกหลายมุม หลายอุตสาหกรรม ที่ยังมีการเติบโตได้ดี เช่น ภาคบริการและการท่องเที่ยว ภาคการอุปโภค-บริโภค นับตั้งแต่ต้นปี 67 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามายังไทยมีการเติบโตที่ใกล้เคียงกับเมื่อเทียบในช่วง Pre-covid แล้ว และคาดว่าสิ้นปีอาจแตะ 35 ล้ายรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

นอกจากนี้ มองว่าการที่ภาครัฐพยายามดันใบอนุญาตโครงการสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เป็นเรื่องแปลงใหม่และน่าสนใจมาก เพราะไทยมีพื้นฐานที่ดีในด้านงานบริการอยู่แล้ว จะเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจและประเทศมาก ดังนั้น เมื่อมีอุตสาหกรรมใหม่ที่แตกต่างเข้ามา จะสร้างเม็ดเงินหนุนให้เศรษฐกิจตลอดจนตลาดหุ้นไทยดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน มีโอกาสให้ลงทุนเพิ่ม