ทีทีบีลดดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% ต่ออายุมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้

22 ต.ค. 2567 | 10:39 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ต.ค. 2567 | 10:39 น.

ทีทีบีห่วงใยลูกค้า ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% พร้อมขยายอายุมาตรการช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยและ SME ในกลุ่มเปราะบางถึงสิ้นปี หวังลดภาระหนี้และพยุงสภาพคล่อง

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เปิดเผยว่า ทีทีบีตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้ครัวเรือนและสภาพเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และพร้อมขานรับนโยบายของคณะกรรมการนโยบายดอกเบี้ย(กนง.) ที่มีมติปรับดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวและเป็นการช่วยลดภาระหนี้ให้กับประชาชน

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ทีเอ็มบีธนชาต

ทีทีบีจึงประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 คือ

  • อัตราดอกเบี้ย MOR ลดลง 0.25% ต่อปี
  • อัตราดอกเบี้ย MLR
  • อัตราดอกเบี้ย MRR ลดลง 0.125% ต่อปี

นอกจากนั้นธนาคารยังขยายอายุมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยและ SME ในกลุ่มเปราะบาง ออกไปจนถึง 31 ธันวาคม 2567 จากเดิมที่จะครบกำหนดในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เพื่อช่วยพยุงสภาพคล่องและลดภาระหนี้ให้กับลูกค้ากลุ่มเปราะบางให้ได้ดอกเบี้ยต่ำกว่าอัตราที่ประกาศอีก 0.25% 

“จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ จะทำให้ลูกค้ากลุ่มดังกล่าว มีอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงรวม 0.375-0.50% ต่อปี ขณะเดียวกันธนาคารยังมีแผนที่จะปรับมาตรการเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางตามความเหมาะสม เมื่อมาตรการดังกล่าวสิ้นสุดลงด้วย”

ด้านเงินฝาก เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าเงินออมที่กังวลว่าดอกเบี้ยเงินฝากจะทยอยปรับลดลง ทางทีทีบีมีบัญชีเงินฝากประจำพิเศษ อัพ แอนด์ อัพ 24 เดือน ที่ตอบโจทย์ลูกค้าเงินฝากทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพราะให้ดอกเบี้ยสูงตั้งแต่ 6 เดือนแรก เริ่มต้นที่ 1.5% ต่อปี และรับดอกเบี้ยสูงขึ้นทุกๆ 6 เดือน โดยรับดอกเบี้ยสูงสุด 2.0% ต่อปี

ขณะเดียวกันยังสามารถถอนก่อนครบกำหนดได้หากมีความจำเป็นในการใช้เงิน  จึงเหมาะกับทั้งผู้ที่ฝากระยะสั้นก็จะได้รับดอกเบี้ยสูง และหากฝากต่อเนื่องก็จะเป็นการล็อกเรทอัตราดอกเบี้ยที่ดีในระยะยาว 

นอกจากนั้นกันทีทีบียังพร้อมให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ตลอดจนมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมให้ลูกค้าสามารถจัดการภาระหนี้ที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนผ่าน โซลูชันรวบหนี้ และโซลูชันโอนยอดหนี้เพื่อให้ดอกเบี้ยต่ำลง ช่วยลดภาระดอกเบี้ย เพิ่มสภาพคล่อง

ควบคู่กับแนะนำการให้ความรู้ทางการเงิน เพื่อการจัดการหนี้ที่สอดคล้องกับรายได้และความสามารถในการชำระคืนอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ตามเป้าหมายของธนาคารที่มุ่งมั่นทำให้คนไทยมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งวันนี้และอนาคต