ปลดล็อกการเมืองไทย จับตา 3 สัปดาห์เคาะนโยบายรัฐบาลใหม่ งบปี 68 ไม่ล่าช้า

18 ส.ค. 2567 | 11:09 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ส.ค. 2567 | 11:09 น.

ความชัดเจนทางการเมืองที่จะถูกปลดล็อค หนุน SET Index ยืนแดนบวก โบรกคาดการจัดตั้ง ครม. ใช้เวลาราว 3 สัปดาห์ ขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ดำเนินต่อโดยเฉพาะนโยบายตลาดทุนทั้งกองทุน TESG และการจัดตั้งวายุภักษ์ มีเพียง Digital Wallet ที่คงต้องติดตามท่าทีจากรัฐบาลใหม่

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยว่า ในช่วงท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมาในที่สุด SET Index ก็กลับมาแกว่งตัวในแดนบวก ดัชนีกลับมายืนที่แนวต้าน 1,300 จุดได้ แรงหนุนหลักจากความชัดเจนทางการเมืองที่จะถูกปลดล็อค

โดยเมื่อวันศูกร์ที่ 16 ส.ค.2567 ที่ผ่านมา ผลโหวตให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี คนใหม่ พร้อมกับจับขั้วกับพรรคร่วมเดิมเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ทำให้มองว่ากระบวนการต่อจากนี้จะเป็นการจัดตั้ง ครม. ซึ่งอิงรอบรัฐบาลก่อนใช้เวลาราว 3 สัปดาห์

ทำให้การขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ดำเนินต่อโดยเฉพาะนโยบายตลาดทุนทั้งกองทุน TESG และการจัดตั้งวายุภักษ์ มีเพียงนโยบาย Digital Wallet ที่คงต้องติดตามท่าทีจากรัฐบาลใหม่ว่าจะเดินหน้าอย่างไรต่อไป ส่งผลสูญญากาศทางการเมืองช่วงสั้นมากๆ

ส่งผลให้นโยบายต่างๆ ยังถูกขับเคลื่อนได้ต่อ การพิจารณางบประมาณปี 2568 จะไม่ล่าช้า ภายใต้ความคืบหน้าข้างต้นจะเป็นปัจจัยบวก ต่อ SET Index โดยทางฝ่ายมองกลุ่มที่ปรับขึ้นได้ดี ประกอบด้วย

  1. 1) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐฯ CK TASCO SCCC
  2. 2) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากกองทุน TESG & วายุภักษ์ชอบ TTB KTB KBANK AOT ADVANC CPALL และ GULF

ด้านปัจจัยต่างประเทศเป็นในทางบวกจากการรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกเดือน ก.ย. ขยายตัว 1% ดีกว่าตลาดคาด 0.4% และรายงาน Initial Jobless Claim ที่เพิ่มขึ้น 2.27 แสนตำแหน่งต่ำกว่าตลาดคาด 2.35 แสนตำแหน่ง ทำให้ความกังวลต่อ U.S. Recession ลดลดลงหนุนต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ 

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังบ่งชี้ภาคการผลิตที่อ่อนแอ สวนทางกับการบริโภคเอกชน โดยตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศ สะท้อนภาพที่คล้ายกับเดือนที่ผ่านมา ภาคการผลิตยังอ่อนแอ ในขณะที่การบริโภคภาคเอกชนยังแข็งแกร่ง

  1. ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ลดลง 0.6% จากเดือนก่อน แย่กว่าคาด 0.3% จากเดือนก่อน
  2. ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน เพิ่มขึ้น 5.1% จากเทียบช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน ต่ำกว่าที่คาด ประมาณ 5.2% จากเทียบช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และชะลอลงจากที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 5.3% จากเทียบช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน ในเดือนก่อนหน้า
  3. ยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ขยายตัว 1.0% จากเดือนก่อน ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ 0.4% จากเดือนก่อน อย่างมีนัยสำคัญ
  4. ยอดค้าปลีกของจีนโต 2.7% จากเทียบช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน สูงกว่าคาด 2.6% จากเทียบช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และเร่งตัวจาก 2.0% จากเทียบช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน ในเดือนก่อนหน้า

ปัจจัยภายภายในประเทศโดยเฉพาะในด้านการเมืองน่าจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นและสร้าง sentiment บวกต่อตลาด ซึ่งคาดว่าจะมีบทสรุป ผสานกับความชัดเจนมาตรการและโครงการภาครัฐน่าจะทำให้ตลาดกลับมามีเสถียรภาพมากขึ้น ทำให้มองว่าจากนี้ตลาดหุ้นไทยจะมีความผ่อนคลายมากขึ้น บรรยากาศการลงทุนจะไม่คุลมเครือเหมือนที่ผ่านมา

  1. TESG ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณารายละเอียด และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่จะออกประกาศแก้ไขกฎกระทรวง
  2. กองทุนวายุภักษ์ ซึ่งหากเป็นไปตามกำหนดการเดิมกระทรวงการคลัง ตลท. และ กลต. มีการหารือรายละเอียดเพิ่มเติมร่วมกัน