"CKPower" รายได้กว่า 2.62 พันล้านไตรมาส 2/67 เพิ่มขึ้น 2.1%

09 ส.ค. 2567 | 18:51 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ส.ค. 2567 | 18:51 น.

"CKPower" รายได้กว่า 2.62 พันล้านไตรมาส 2/67 เพิ่มขึ้น 2.1% เผยรับรู้กำไรสุทธิจากการดำเนินงานไม่รวมกำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 149 ล้าน ดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่รับรู้ขาดทุนจากการดำเนินงาน 48 ล้านบาท

นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานโดยรวมทั้งในไตรมาส 2/67 และงวด 6 เดือนปี 2567 ว่า ดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาสที่ 2/67 มีรายได้รวม 2,621 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 

และรับรู้กำไรสุทธิจากการดำเนินงานซึ่งไม่รวมกำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 149 ล้านบาท ดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่รับรู้ขาดทุนจากการดำเนินงานจำนวน 48 ล้านบาท
 
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการดำเนินงานในไตรมาส 2 มาจากรายได้จากการขายไฟฟ้าของบริษัท ไฟฟ้า น้ำงึม 2 จำกัด (NN2) ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 80.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ ต้นปี 2567 ในระดับสูง และมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 
 

รวมถึงมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับงานซ่อมบำรุงลดลง เนื่องจากการงานซ่อมบำรุงใหญ่ (Major Overhaul) ประจำปี 2567 ส่วนใหญ่ดำเนินการไปแล้วในไตรมาส 1/67 ขณะที่ค่าเชื้อเพลิงของบริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด (BIC) ลดลง 27.6% ตามราคาก๊าซธรรมชาติ และยังรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงานของการร่วมค้าและบริษัทร่วมลดลง 110 ล้านบาท หรือลดลง 77.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

"CKPower" รายได้กว่า 2.62 พันล้านไตรมาส 2/67 เพิ่มขึ้น 2.1%
 

แม้ CKPower จะมีต้นทุนทางการเงินในไตรมาส 2 และงวด 6 เดือนปี 2567 เพิ่มขึ้น 12.6% และ 6.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการออกหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2567 ของบริษัทที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นตามสภาพตลาด แต่บริษัทสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในไตรมาส 2 และงวด 6 เดือนปี 67 ลดลง 14.0% และ 13.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
 

สำหรับฐานะการเงินของ CKPower ยังคงแข็งแกร่ง โดยวันที่ 30 มิถุนายน 2567 มีสินทรัพย์รวม 69,927 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.7% จากสิ้นปี 2566 ขณะที่หนี้สินระยะยาวตามงบการเงินรวมของบริษัท 81% เป็นหุ้นกู้สกุลเงินบาทที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ มีต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยอยู่ที่ 3.77% โดยบริษัทจะยังคงติดตามการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยอย่างใกล้ชิดและบริหารจัดการหนี้สินระยะยาวให้มีสัดส่วนที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง

นายธนวัฒน์ กล่าวว่า ครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลน้ำหลากผนวกกับปรากฎการณ์ลานีญาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป ส่งผลให้แนวโน้มปริมาณน้ำของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทได้มีการวางแผนและเตรียมความพร้อมในการผลิตไฟฟ้าให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำ 

นอกจากนี้ บริษัท บางเขนชัย จำกัด (BKC) ได้อยู่ระหว่างการเตรียมการก่อสร้างโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) อีก 3 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 7 เมกะวัตต์ (MW) โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้เร็ว ๆ นี้ ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันภาคขนส่งสาธารณะระบบรางให้เปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานหมุนเวียนครั้งแรกของประเทศไทย