หุ้นไทยสัปดาห์หน้า ลุ้นโฟลว์หนุนคาดดัชนี SET แนวต้าน 1,400 -1,425 จุด

17 ธ.ค. 2566 | 07:07 น.

ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า ( 18-22 ธ.ค.) จับตาทิศทางเงินทุนต่างประเทศ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ด้าน บล.กสิกรไทย คาดกรอบดัชนี 1,370-1,425 จุด

บริษัทหลักทรัพย์(บล.) กสิกรไทย จำกัด ประเมินแนวโน้มหุ้นไทยสัปดาห์ถัดไป (18-22 ธ.ค.) ดัชนี SET ( SET Index ) แนวรับที่ 1,370 และ 1,350 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,400 และ 1,425 จุด ตามลำดับ 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านใหม่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนพ.ย. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/66 รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม BOJ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ย. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น ตลอดจนการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR เดือนธ.ค. ของจีน
 

หุ้นไทยสัปดาห์หน้า ลุ้นโฟลว์หนุนคาดดัชนี SET แนวต้าน 1,400 -1,425 จุด

สรุปตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา (11-15 ธ.ค.66)

ดัชนีหุ้นไทยแตะจุดต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปีที่ 1,354.73 จุดช่วงกลางสัปดาห์ ก่อนดีดตัวขึ้นหลังผลการประชุมเฟด ทั้งนี้หุ้นไทยปรับตัวลงช่วงต้นถึงกลางสัปดาห์ท่ามกลางแรงขายต่อเนื่องของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติระหว่างที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาหนุน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์จากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการแก้หนี้ทั้งระบบ และหุ้นกลุ่มพลังงานซึ่งยังเผชิญแรงกดดันจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลง

อย่างไรก็ดีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมาตามทิศทางหุ้นต่างประเทศ หลังผลการประชุมเฟดเป็นไปตามคาด ประกอบกับเฟดได้ส่งสัญญาณจบวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นรอบนี้และอาจปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2567 ส่งผลให้มีแรงซื้อคืนหุ้นในทุกอุตสาหกรรม     
 

ในวันศุกร์ที่ 15 ธ.ค.ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,391.03 จุด เพิ่มขึ้น 0.73% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 43,844.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.45% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.16% มาปิดที่ระดับ 395.87 จุด

สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 12-15 ธ.ค. 2566 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 5,363 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 1,623 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 1,663 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 40 ล้านบาท)