เปิดโผ 18 หุ้น ได้อานิสงส์ โครงการ E-REFUND

28 พ.ย. 2566 | 12:05 น.
อัปเดตล่าสุด :28 พ.ย. 2566 | 12:09 น.
939

เปิดรายชื่อ 18 หุ้น รับประโยชน์ โครงการ E-REFUND ลดหย่อนภาษีปี 67 สูงสุด 5 หมื่นบาท นักวิเคราะห์คาด กระตุ้นใช้จ่ายสะพัดสู่ระบบกว่า 1-2 แสนล้านบาท ดันจีดีพีเพิ่ม 0.54-1.09%

จากที่วานนี้ (27 พ.ย.66 ) นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุว่าการประชุมคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ในวันนี้ 28 พ.ย. 66 จะมีการพิจารณาเห็นชอบมาตรการกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนและประชาชน ผ่านโครงการ E-REFUND ที่จะเปิดให้ผู้เสียภาษีสามารถซื้อสินค้าได้ภายในมูลค่าไม่เกิน 50,000 บาท และนำไปยื่นลดหย่อนภาษีเงินได้ในต้นปี 2568 โดยเบื้องต้นไทม์ไลน์ที่รัฐบาลวางไว้ของช่วงเวลาการใช้จ่าย คือ ต้นปี 2567

ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส หรือ ASPS ระบุว่า  นโยบายดังกล่าวอาจเป็นคลื่นลูกใหม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยปี 2567 ให้โตมากกว่าค่าเฉลี่ย CONCENSUS ที่ทำช่วง 3.2-3.5% ขณะที่เม็ดเงินดำเนินโครงการนี้ คาดว่าจะทำให้ทางกรมสรรพากรสูญเสียรายได้ราว 1-2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ประสิทธิภาพของโครงการ E-REFUND คาดว่าจะช่วยเกิดวงเงินเดินสะพัดในระบบเศรษฐกิจราว 1-2 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อ GDP น่าจะอยู่ที่ราว 0.54% - 1.09% ซึ่งมีแนวโน้มสูงกว่าช่วง 2 ปี ผ่านมา เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกินอื่นๆ ร่วมด้วย

ฝ่ายวิจัยฯ คาดว่า กลุ่มอุตสาหกรรม ที่จะได้ประโยชน์หากนโยบายดังกล่าวเกิดขึ้นจริง คือ 

  • กลุ่มท่องเที่ยว  ได้แก่  CENTEL , ERW 
  • กลุ่มอุปโภคบริโภค  ได้แก่  CPAXT, HMPRO, COM7, CRC, CPALL, BJC, CBG, DOHOME, DCC
  • กลุ่มคาดหวังเศรษฐกิจฟื้นตัว  ได้แก่  KBANK , BBL, TISCO ,TIDLOR  , MTC , SAWAD


 

ด้านนักวิเคราะห์บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ประเมินว่าจะมีกำลังซื้อสุทธิ 1.88 แสนล้านบาท เพิ่มเข้ามาในระบบเศรษฐกิจจากนโยบายต่าง ๆ ที่ภาครัฐมีแผนจะออกมาดำเนินการ (ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ,เพิ่มเงินเดือนข้าราชการ และ E-REFUND ) ซึ่งจะมาช่วยชดเชยผลกระทบเชิงลบจากการจับจ่ายที่ลดลงจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อาจจะลดลง

คาดแคมเปญ E-REFUND จะทำให้มียอดใช้จ่ายโดยรวมเพิ่มเข้ามาในระบบ 1 แสนล้านบาท อิงจากสมมติฐานว่า 50% ของผู้เสียภาษีทั้งหมดเข้าร่วมเเคมเปญนี้ และทุกคนใช้ซื้อสินค้าจนเต็มเพดานที่ 50,000  บาท

ทั้งนี้ยังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่ม Commerce ที่ Neutral โดยยังคงคำแนะนำและราคาเป้าหมายของหุ้นทุกตัว ได้แก่  GLOBAL แนะนำถือ ราคาเป้าหมาย 17.20 บาท , CPALL แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 66 บาท ,CPAXT แนะนำถือ ราคาเป้าหมาย 30 บาท , HMPRO แนะนำถือ ราคาเป้าหมาย 13 บาท , และ DOHOME แนะนำถือ ราคาเป้าหมาย 10.20 บาท