"TESG" ดันเม็ดเงินลงทุนเพิ่มปีละ 7 หมื่นล้าน เปิดโผหุ้น SETESG ได้ประโยชน์

14 พ.ย. 2566 | 13:09 น.
อัปเดตล่าสุด :14 พ.ย. 2566 | 14:04 น.
568

โบรกประเมินกองทุน "TESG" หรือ ESG FUND หนุนเม็ดเงินเข้าตลาดหุ้นปีละ 6-7 หมื่นล้านบาท ASPS - KCS เปิดโผหุ้นใน SETESG ได้ประโยชน์เม็ดเงินใหม่

จากการที่กระทรวงคลัง ไฟเขียวเคาะออกกองทุน TESG ออมหุ้น-ตราสารหนี้ยั่งยืน ลดหย่อนภาษี 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท ถือครอง 8 ปีเต็ม เริ่มดีเดย์ในเดือน ธ.ค.นี้

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังหารือร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ว่ากระทรวงการคลังได้เห็นชอบการจัดตั้งกองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน Thailand ESG Fund หรือ TESG เพื่อสนับสนุนการออมระยะยาว และมีเป้าหมายในการลงทุนในกลุ่มธุรกิจหลักทรัพย์ที่เป็น ESG และรวมไปถึงการลงทุนในตราสารหนี้ด้วย

สำหรับเงื่อนไขนั้น จะเป็นการจัดตั้งกองทุนขึ้นมาเพิ่มจาก RMF และ SSF ซึ่ง 2 กองทุนดังกล่าวสามารถลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 5 แสนบาท ส่วน TSEG สามารถลดหย่อยภาษีได้ 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท โดยใช้ระยะเวลาในการลงทุน 8 ปีเต็ม

ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มเปิดให้ลงทุนได้ในเดือนธ.ค.นี้ เพื่อให้ประชาชนที่เข้ามาลงทุนได้รับการลดหย่อนภาษีในเดือนมี.ค.2567 ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท  

“หลังจากนี้กระทรวงการคลังจะมีการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 21 พ.ย.นี้ เพื่ออนุมัติออกกฎกระทรวงในการจัดตั้งกองทุน TESG จากนั้นจะขอความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการออกหลักเกณฑ์”

 

ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส หรือ ASPS ระบุในบทวิเคราะห์ล่าสุดวันนี้ (14 พ.ย.66 ) ว่า ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย.66 - ปัจจุบัน SET INDEX ปรับตัวลงแรงกว่า -179 จุด หรือ -11.4%  ล่าสุด( 13 พ.ย.66 ) ปิดที่ระดับ 1387.13 จุด ซึ่งส่วนหนึ่งโดนกดดันมาจากการ SHORT SELL หุ้นรายตัว สังเกตได้จากการปรับตัวลงแรงของหุ้นในแต่ละวันของช่วงที่ผ่านมา โดยหุ้นที่ถูก SHORT SELL มากสุด (ก.ย. 23 – ปัจจุบัน) คือ PTT, PTTEP-R,BDMS, AOT, DELTA-R, PTTEP, ADVANC, SCB-R, CPALL, AOT-R, EA-R เป็นต้น 

\"TESG\" ดันเม็ดเงินลงทุนเพิ่มปีละ 7 หมื่นล้าน เปิดโผหุ้น SETESG ได้ประโยชน์

ขณะที่หากพิจารณาเป็นภาพรวม SET INDEX จะเห็นได้ว่ามูลค่าการ SHORT SELL ในปัจจุบันสูงกว่าในช่วงก่อนมีกฏ UPTICK ในช่วง COVID ปี 2560 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • ช่วงก่อนมี UPTICK (ม.ค.63 - กลาง มี.ค. 63) SET INDEX ปรับตัวลง -39% โดยมีปริมาณ SHORT SELL 6% จากมูลค่าซื้อขาย 6.68 หมื่นล้านบาท/วัน
  • ช่วง ก.ย.66 - 13 พ.ย. 66 SET INDEX ปรับตัวลง -11% โดยีปริมาณSHORT SELL 11% จากมูลค่าซื้อขาย 4.62 หมื่นล้านบาท/วัน

ส่วนระยะถัดไป SET INDEX มีโอกาสฟื้นตัวขึ้น หลังรัฐบาลเร่งฟื้นความเชื่อมั่นของ SET INDEX โดยวันนี้จะมีการประชุมของรัฐบาล FETCO – AIMC เกี่ยวกับประเด็นข้อสรุปเกณฑ์ตั้ง ESG FUND 

ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่าหาก ESG FUND ได้รับการอนุมัติ จะเป็นภาพบวกต่อ SET INDEX ให้มีมูลค่าซื้อขายกลับมาคึกคักอีกครั้ง คาดหวังเม็ดเงินหนุนช่วงที่เหลือของปีราว 2 - 7 หมื่นล้านบาท เฉกเช่นเดียวกับช่วงที่มีกองทุนประหยัดภาษี LTF ที่มีมูลค่าเม็ดเงินหนุนตลาดกว่า 6 - 7 หมื่นล้านบาท/ปี (เฉพาะเดือน ธ.ค. มีมูลค่าเม็ดเงินหนุนตลาดกว่า 2 หมื่นล้านบาท)

 

\"TESG\" ดันเม็ดเงินลงทุนเพิ่มปีละ 7 หมื่นล้าน เปิดโผหุ้น SETESG ได้ประโยชน์
 

อีกทั้ง ESG FUND ยังมีความน่าสนใจอีกประการหนึ่ง คือ SETESG INDEX ชนะ SET INDEX ทุก TIMEFRAME กล่าวคือ SETESG INDEX มีความสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า SET INDEX ทั้งช่วงตลาดหมีและกระทิงดังนั้นคาดทำให้หุ้นที่อยู่ในกลุ่ม SETESG INDEX ทั้ง 114 ตัว จะน่าสนใจขึ้น และเป็นเป้าหมายของ ACTIVE FUND และ PASSIVE FUND

โดยกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นที่อยู่ใน SETESG INDEX ที่ถูก SHORT เยอะๆ มีโอกาสได้เม็ดเงินใหม่หนุน บวกกับถูก COVERED SHORTโดยมีเงื่อนไขการคัดกรอง ดังนี้

 

\"TESG\" ดันเม็ดเงินลงทุนเพิ่มปีละ 7 หมื่นล้าน เปิดโผหุ้น SETESG ได้ประโยชน์

  • หุ้นใน SETESG เฉพาะที่มี RATING ระดับ AAA และ AA
  • ถูกนักลงทุน SHORT SELL มากกว่า 1 พันล้านบาท ในช่วง ก.ย.66-ปัจจุบันซึ่งได้บริษัทที่น่าลงทุน คือ EA, BGRIM, GPSC, SCGP, PTTGC, HMPRO, GULF,CPALL, CRC, SCC, MINT, SIRI ฯลฯ

 

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสิน (KCS) ประเมินกองทุน TESG หรือ ESG Fund ได้รับการอนุมัติ จะเป็นภาพบวกต่อ SET ในระยะกลางถึงยาว จาก “Long Term Fund” หุ้นภายในประเทศที่จะสูงระดับ 65,900 ล้านบาท ( เฉลี่ย 5ปี หลังสุดของ  LTF) คาดหุ้นที่อยู่ในกลุ่ม THAIESG Index จะน่าสนใจขึ้นและมีโอกาสถูก Active Fund ในประเทศดึงสถานะกลับก่อน 

ลงทุนเน้นในกลุ่ม 

  • 1.ราคาลงแรงกว่า THAIESG Index-14% YTD  
  • 2.ถูก Short sales บนกระดานหลัก+NVDR ตั้งแต่จุดสูง 30 ส.ค. 23 – ปัจจุบัน  มีสัดส่วน % Short Sales Volume(+ NVDR) มากกว่า 8%ของมูลค่าซื้อขายรายตัว  หุ้นในกลุ่มดังกล่าวที่น่าจะเป็นเป้าหมายกองทุน ได้แก่ CPALL, GULF, CRC, GPSC, PTTGC, IVL, SCGP, OR, CBG, HMPRO