"หุ้นไทย"สัปดาห์หน้า จับตาจัดตั้งรัฐบาล- เฟด คาดแนวต้าน 1,545-1,570 จุด

22 ก.ค. 2566 | 08:08 น.

"หุ้นไทย" สัปดาห์หน้า (24-28 ก.ค.) เกาะติดสถานการณ์การเมืองในประเทศ ผลประกอบการ Q2/66 และประชุมเฟด 25-26 ก.ค."บล.กสิกรไทย"ให้กรอบแนวต้าน 1,545-1,570 จุด

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (24-28 ก.ค.66 )  คาดดัชนี SET แนวรับที่ 1,505 และ 1,485 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,545 และ 1,570 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (25-26 ก.ค.) ตัวเลขส่งออกเดือนมิ.ย. ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์การเมืองในประเทศและผลประกอบการไตรมาส 2/66 ของบจ.ไทย 

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI เดือนก.ค. (เบื้องต้น) ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล และดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนมิ.ย. ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/66 ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม ECB และ BOJ ดัชนี PMI เดือนก.ค. (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่น ยูโรโซนและอังกฤษ ตลอดจนกำไรบริษัทภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. ของจีน 
 

\"หุ้นไทย\"สัปดาห์หน้า จับตาจัดตั้งรัฐบาล- เฟด คาดแนวต้าน 1,545-1,570 จุด

ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย 17-21 ก.ค.66 ดัชนี SET ปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยหุ้นไทยขยับขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ ซึ่งนอกจากความหวังว่าเฟดใกล้จะยุติวัฎจักรการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ยังมีแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่า กระบวนการด้านการเมืองยังคงเดินหน้าต่อ

อย่างไรก็ดี กรอบการปรับขึ้นของหุ้นไทยถูกจำกัดในช่วงท้ายสัปดาห์ เนื่องจากสถานการณ์การเมืองในประเทศยังมีความไม่แน่นอน ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มแบงก์เผชิญแรงเทขาย หลังมีการรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2566 ออกมาในช่วงปลายสัปดาห์     

ในวันศุกร์ที่ 21 ก.ค. ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,529.25 จุด เพิ่มขึ้น 0.75% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 47,846.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.91% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.26% มาปิดที่ระดับ 462.89 จุด
 

ทั้งนี้สถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 17-21 ก.ค.66 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 17.3 ล้านบาท แต่มีสถานะ Net Inflows ในตลาดพันธบัตรไทย 14,667 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 20,015 ล้านบาท หักด้วยตราสารหนี้ที่หมดอายุ 5,348 ล้านบาท)

มูลค่าซื้อขายแยกตามกลุ่มนักลงทุน 

  • นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 17.26 ล้านบาท  มูลค่าสะสมตั้งแต่ต้นปีขายสุทธิ 115,681.14 ล้านบาท
  • นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 20.14 ล้านบาท  มูลค่าสะสมตั้งแต่ต้นปีซื้อสุทธิ 45,729.20 ล้านบาท )
  • บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,014.51 ล้านบาท  มูลค่าสะสมตั้งแต่ต้นปีขายสุทธิ 5,600.10 ล้านบาท  
  • นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 977.11 ล้านบาท  มูลค่าสะสมตั้งแต่ต้นปีซื้อสุทธิ 75,552.03 ล้านบาท