บลจ.ทิสโก้จับจังหวะหุ้นฟื้น ออก “ทริกเกอร์เวียดนาม”

18 มิ.ย. 2566 | 16:16 น.
อัปเดตล่าสุด :18 มิ.ย. 2566 | 16:16 น.

บลจ.ทิสโก้คาดเศรษฐกิจเวียดนามโต 7% กำไรบจ.พุ่ง ส่งผลราคาหุ้นเริ่มฟื้น จับจังหวะออก “ทริกเกอร์เวียดนาม” มั่นใจบริหารถึงเป้าหมายในระยะเวลา 8 เดือน เปิดขาย 19 - 21 มิ.ย.นี้

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้เปิดเผยว่า ช่วงต้นปีตลาดหุ้นเวียดนามปรับลงมาก เพราะความกังวลเรื่องภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่ปัจจุบันดัชนีหุ้นเวียดนามเริ่มฟื้นตัว เพราะปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี เห็นได้จากธนาคารพาณิชย์เริ่มกลับมาปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ และตัวเลขอนุมัติโครงการก่อสร้างใหม่เริ่มกลับมาเพิ่มขึ้น

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ บลจ. ทิสโก้

บลจ.ทิสโก้มั่นใจว่า ตลาดหุ้นเวียดนามจะฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากนี้  เพราะมีปัจจัยบวกทั้งการออกนโยบายสนับสนุนการเติบโตเศรษฐกิจจากภาครัฐ การบริโภคในประเทศฟื้น และกำไรบริษัทจดทะเบียนยังโตหนุนให้นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นเวียดนามอีกครั้ง 

ดังนั้น บลจ.ทิสโก้จึงเปิดเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ เวียดนาม อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8M#1 (TVNT8M1) ความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) มีนโยบายลงทุนใน VanEck Vietnam ETF ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี MVIS Vietnam

ตั้งเป้าหมายเลิกโครงการเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.80 บาท/หน่วย ภายในระยะเวลา 8 เดือน เปิดเสนอขายครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 19 - 21 มิถุนายน 2566 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท

ทั้งนี้ บลจ.ทิสโก้มั่นใจว่าจะบริหารกองทุน TVNT8M1 ได้ถึงเป้าหมายตามระยะเวลาที่กำหนด เพราะตลาดหุ้นเวียดนามมีปัจจัยหนุนอยู่มาก ได้แก่

  1. รัฐบาลออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหลายมาตรการ เช่น การลงทุนภาครัฐที่คาดว่าจะมากถึง 66 ล้านล้านดองต่อเดือน ผ่อนคลายการควบคุมตลาดตราสารหนี้ เตรียมเพิ่มระยะเวลา VISA ท่องเที่ยว ประกอบกับเดินหน้านโยบายอัตราดอกเบี้ยขาลงหลังอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำเพียง 2.43% ซึ่ง Bloomberg และ Mirae Asset Securities คาดว่าในปี 2567 เศรษฐกิจเวียดนามจะโตสูงถึง 7% 
  2. การส่งออกโต บริโภคในประเทศฟื้น ส่วนหนึ่งเพราะได้รับอานิสงส์จากการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เหลือ 8%  ขณะที่บริษัทขนาดใหญ่ต่างย้ายฐานการผลิตมายังประเทศเวียดนาม
  3. ราคาหุ้นรับรู้ปัจจัยลบไปมากและซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี โดยมีอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้น (Forward P/E) อยู่ที่ 11.2 เท่า จากค่าเฉลี่ย 5 ปี ที่ 14.19 เท่า สวนทางกับคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนที่ Lumen คาดว่าปี 2567 จะเติบในระดับ 2 หลัก หนุนให้ปริมาณการซื้อขายเริ่มกลับมาฟื้นตัว

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนนี้ในช่วงระยะเวลา 8 เดือนได้ ดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าวผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก การกำหนดเป้าหมาย 10.80 บาทต่อหน่วย ไม่ใช่การรับประกันผลตอบแทนจากการลงทุน หากหน่วยลงทุนมีมูลค่าไม่เป็นไปตามเป้าหมายภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้ลงทุนสามารถซื้อ/ขาย/สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ