มหากาพย์เพดานหนี้สหรัฐ งัดรายละเอียดถกก่อนสภาล่างลงมติ 31 พ.ค.

30 พ.ค. 2566 | 12:24 น.
อัปเดตล่าสุด :30 พ.ค. 2566 | 12:50 น.

ปธน.โจ ไบเดน และประธานสภาผู้แทนราษฎร บรรลุข้อตกลงในหลักการสำหรับการขยายเพดานการกู้ยืมของรัฐบาลอเมริกัน ช่วยให้สหรัฐเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้อย่างหวุดหวิด

 

แม้โดยหลักการจะสามารถตกลงกันได้แล้ว หลังจากเมื่อวันเสาร์ (27 พ.ค.) ทั้ง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และ นายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนฯ ได้ บรรลุข้อตกลง ในการ ปรับขึ้นเพดานหนี้ภาครัฐ กันได้อย่างหวุดหวิด แต่ความกังวลก็ยังรออยู่ข้างหน้าอีกมาก ทั้งกรอบเวลาการพิจารณาและลงมติจากทั้งสองสภาที่กระชั้นชิดเข้ามา และเงื่อนไขรายละเอียดอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้ข้อสรุป

ก่อนหน้านี้ ทั้งปธน.ไบเดน และประธานสภาฯ แมคคาร์ธี ได้เริ่มต้นการหารือกันตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. และจากนั้นก็ยืดเยื้อไร้ข้อสรุปกันมาติดต่อกันหลายสัปดาห์ จนกระทั่ง ทั้งคู่ต่อสายตรงคุยกันเป็นเวลา 90 นาทีเมื่อค่ำวันเสาร์เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อตกลงเพดานหนี้จนได้ข้อสรุปในหลักการ ทำให้สหรัฐและทั่วโลกหายใจโล่งไปหนึ่งเปลาะ

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงแถลงการณ์เมื่อค่ำวันเสาร์ของปธน.ไบเดน ระบุว่า

“ข้อตกลงนี้แสดงถึงการประนีประนอม นั่นหมายถึงไม่ใช่ทุกคนจะได้สิ่งที่ต้องการ นั่นคือความรับผิดชอบในการบริหารประเทศ” ผู้นำสหรัฐเรียกข้อตกลงนี้ว่า “เป็นก้าวสำคัญในการลดการใช้จ่ายภาครัฐระหว่างที่ปกป้องโครงการสำคัญสำหรับชนชั้นแรงงานอเมริกันและเศรษฐกิจที่เติบโตสำหรับทุกคน”

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะลงมติรับรองรายละเอียดของร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ในวันพุธนี้ (31 พ.ค.2566)

พร้อมกันนี้ ปธน.ไบเดนยังระบุว่าข้อตกลงนี้เป็นข่าวดีสำหรับชาวอเมริกัน เพราะมันได้ป้องกันไม่ให้ “การผิดนัดชำระหนี้” เกิดขึ้น เพราะในทางกลับกัน หากมันเกิดขึ้นก็จะหมายถึงหายนะและอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ด้านนายแมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวในวันเดียวกันว่า ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงขยายเพดานหนี้กันได้นั้น มีการหารือปรับลดการใช้จ่ายภาครัฐลงได้มากเป็นประวัติการณ์ และมีการปฏิรูปที่จะดึงผู้คนออกจากความยากจนและเข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยจะไม่มีการขึ้นภาษีครั้งใหม่ และไม่มีโครงการภาครัฐใหม่ๆออกมา

ระหว่างที่รายละเอียดของข้อตกลงยังไม่มีออกมาชัดเจน ทั้งสองฝ่ายจะยังสามารถกุมชัยชนะได้ในบางจุด แต่นักการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมแสดงความกังวลไว้ก่อนหน้านี้ว่า ข้อตกลงเพดานหนี้สหรัฐไม่ได้แก้ปมการขาดดุลงบประมาณได้มากพอ ขณะที่ฝั่งเดโมแครตกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของโครงการบางอย่าง เช่น โครงการความช่วยเหลือด้านอาหาร

ทั้งนี้ สำนักข่าวเอพีได้รวบรวมและประมวลรายละเอียดเอาไว้ว่า มีงบส่วนไหนหรือโครงการอะไรบ้างที่น่าจะได้รับผลกระทบจากข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐในครั้งนี้

มหากาพย์เพดานหนี้สหรัฐ งัดรายละเอียดถกก่อนสภาล่างลงมติ 31 พ.ค.

ขยายเพดานหนี้ในระยะ 2 ปี – จำกัดงบประมาณที่ไม่ใช่กลาโหม

ข้อตกลงล่าสุดนี้ จะตรึงงบประมาณที่ไม่ใช่งบกลาโหมไว้แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงในปีงบประมาณ 2024 ซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนตุลาคมปีนี้ และเพิ่มขึ้นราว 1% ในปีงบประมาณ 2025 ที่จะเริ่มต้นในเดือนตุลาคมปีหน้า เช่นเดียวกับการปรับขึ้นเพดานหนี้ในระยะเวลา 2 ปีงบประมาณ ซึ่งจะครอบคลุมช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี2024 อ้างอิงจากข้อมูลของผู้ที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงนี้ที่ไม่ประสงค์ออกนาม ซึ่งเปิดเผยข้อมูลนี้กับเอพี

การดูแลทหารผ่านศึก

ข้อตกลงดังกล่าวจะครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลสำหรับทหารผ่านศึกทั้งหมดในระดับที่ประธานาธิบดีไบเดน ได้เสนอไว้ในร่างงบประมาณปี 2024 ซึ่งรวมเอางบที่ให้แก่ทหารผ่านศึกที่ได้รับสารพิษหรือได้รับผลกระทบที่เป็นอันตรายด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ โดยปธน.ไบเดนต้องการงบประมาณราว 20,300 ล้านดอลลาร์ในส่วนนี้

เพิ่มเงื่อนไขการทำงานของผู้ขอสวัสดิการความช่วยเหลือจากรัฐบาล

ฝั่งรีพับลิกันเสนอให้มีการเพิ่มเงื่อนไขการทำงาน สำหรับชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่ที่สามารถทำงานได้และไม่มีผู้ที่ต้องคอยดูแล ในโครงการสวัสดิการความช่วยเหลือจากรัฐบาลบางโครงการ โดยรีพับลิกันเห็นว่า มาตรการดังกล่าวจะช่วยดึงคนกลับเข้ามาในตลาดแรงงานอเมริกันมากขึ้น และจะเสียภาษีและสนับสนุนเงินให้แก่บางโครงการ อย่างเช่นประกันสังคมและประกันสุขภาพ Medicare

แต่ฝั่งเดโมแครตวิจารณ์การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวว่าจะทำให้ผู้ที่มีคุณสมบัติในการรับสวัสดิการด้านสุขภาพและอาหารน้อยลง ในขณะที่มาตรการนี้ไม่ได้เพิ่มกำลังแรงงานในตลาดได้จริง

ส.ส.รีพับลิกันได้ผ่านร่างกฎหมายที่จะเพิ่มเงื่อนไขการทำงานสำหรับผู้รับสวัสดิการประกันสุขภาพผู้มีรายได้ต่ำ (Medicaid) แต่เงื่อนไขนี้ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงเพดานหนี้ขั้นสุดท้าย

อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงเพดานหนี้จะขยายกรอบเงื่อนไขการทำงานสำหรับโครงการความช่วยเหลือด้านอาหารให้แก่คนรายได้ต่ำ (Supplemental Nutrition Assistance Program - SNAP) ซึ่งก่อนหน้านี้เรียกว่าโครงการ food stamp

ข้อตกลงล่าสุดนี้ จะเพิ่มกรอบอายุของผู้รับสวัสดิการที่ต้องทำงานจาก 49 ปี เป็น 54 ปี ซึ่งคล้ายกับข้อเสนอของพรรครีพับลิกัน แต่เงื่อนไขเหล่านี้จะหมดอายุในปีค.ศ. 2030 และทำเนียบขาวระบุว่าจะลดจำนวนของผู้ที่เข้าข่ายได้รับสวัสดิการในทุกช่วงอายุ

ปธน.โจ ไบเดน และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนฯ

เดินหน้าโครงการด้านพลังงานเต็มสูบ

ข้อตกลงเพดานหนี้ได้ระบุการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ National Environmental Policy Act ที่จะแต่งตั้ง “หน่วยงานเดียว” ในการดูแลและทบทวนโครงการด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างคล่องตัวยิ่งขึ้น

การยกเลิกหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา

พรรครีพับลิกันพยายามจะล้มเลิกความพยายามของปธน.ไบเดนในการยกเลิกหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษามากถึง 10,000 – 20,000 ดอลลาร์ ให้กับผู้กู้ยืมเกือบทุกคน แต่โครงการยกเลิกหนี้ดังกล่าวยังคงได้ไปต่อในข้อตกลงด้านงบประมาณนี้ แม้ว่าศาลสูงจะต้องเป็นผู้ชี้ขาดในเรื่องนี้ในท้ายที่สุดก็ตาม

ทั้งนี้ การเจรจาทั้งหมดยังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายในการกำหนดรายละเอียดของร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ล่าสุด ซึ่งทางนายแมคคาร์ธี ระบุว่าทางสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะลงมติกันในวันพุธที่ 31 พฤษภาคมนี้ และให้เวลาทางวุฒิสภาพิจารณาอีกทอดหนึ่ง ก่อนถึงวันที่ 5 มิถุนายน ซึ่งจะเป็นเส้นตายที่จะทำให้สหรัฐรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้