แต่ถึงแม้การลงทุนในตราสารหนี้จะมีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในตลาดหุ้น นั่นไม่ได้หมายความว่าการลงทุนในตราสารหนี้จะไม่มีการขาดทุน นักลงทุนต้องทำความเข้าใจและศึกษาข้อควรรู้เกี่ยวกับตราสารหนี้ให้ดีและถูกต้อง เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของนักลงทุนเอง
ตราสารหนี้คือ ?
- ตราสารทางการเงินที่ผู้ถือ (นักลงทุน) มีสถานะเป็นเจ้าหนี้ และผู้ออกตราสาร มีสถานะเป็นลูกหนี้ โดยเจ้าหนี้จะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย อย่างสม่ำเสมอตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ และจะได้รับเงินต้นคืนเมื่อครบกำหนดอายุ
- ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาล เช่น พันธบัตรรัฐบาล (อายุมากกว่า 1 ปี), ตั๋วเงินคลัง (อายุน้อยกว่า 1ปี) เป็นต้น
- ตราสารหนี้ที่ออกโดยเอกชน เช่น หุ้นกู้ ( อายุมากกว่า 1 ปี) เป็นต้น
ข้อควรรู้ก่อนการลงทุนในตราสารหนี้
1.ความผันผวนของราคาตราสารหนี้
- อัตราดอกเบี้ย (Yield) สูงขึ้น ราคาตราสารหนี้จะลดลง เนื่องจากถูกเทขาย เพื่อไปซื้อตราสารหนี้ตัวใหม่ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า
- อัตราดอกเบี้ย (Yield) ต่ำลง ราคาตราสารหนี้จะสูงขึ้น
2. ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้,ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง และความเสี่ยงด้านราคา
3. อันดับความน่าเชื่อถือ (Credit rating)
- กลุ่มระดับลงทุน (Investment Grade) ระดับ AAA ถึง BBB
- กลุ่มต่ำกว่าระดับลงทุน (Non-Investment Grade) ระดับ BB ลงไปจนถึง D
- กลุ่มไม่มีการจัดอันดับเครดิต (Unrated Bond)
4. อัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว
- อัตราดอกเบี้ยที่ผู้ออกตราสารจะต้องจ่ายให้กับผู้ถือตราสารตามเวลาที่กำหนดตลอดอายุของตราสารหนี้
5.งวดการจ่ายดอกเบี้ย
- จำนวนครั้งของการจ่ายดอกเบี้ยต่อปี ขึ้นอยู่กับผู้ออกตราสารหนี้
6.วันครบกำหนดไถ่ถอน
- วันหมดอายุของตราสารหนี้ที่ผู้ออกตราสารจะต้องจ่ายคืนเงินต้นและดอกเบี้ยงวดสุดท้ายให้แก่ผู้ถือตราสารหนี้
การลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้เหมาะกับใคร?
- ผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ และไม่คาดหวังผลตอบแทนที่สูงเหมือนกับหุ้น
- ผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าการฝากออมทรัพย์
- กองทุนตราสารหนี้ช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดีกว่าลงทุนตราสารหนี้รายตัว
ที่มา : หลักทรัพย์กสิกรไทย ( KS )