"พาวเวลล์" ย้ำชัดอีกครั้ง เฟดพร้อมเหยียบคันเร่งขึ้นดอกเบี้ยสกัดขึ้นเฟ้อ

09 มี.ค. 2566 | 05:33 น.
อัปเดตล่าสุด :09 มี.ค. 2566 | 05:58 น.

ประธานเฟดแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสเป็นวันที่ 2 ย้ำพร้อมเหยียบคันแร่งขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อ หลังตัวเลขเศรษฐกิจแกร่งเกินคาด

 

นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) กล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วย นโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ต่อสภาคองเกรสเป็นวันที่ 2 เมื่อวันพุธ (8 มี.ค.) โดยเป็นการกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎร หลังจากที่ได้กล่าวแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (7 มี.ค.)

ประธานเฟด กล่าวย้ำว่า เฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับขนาดของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ซึ่งกำลังจะมีขึ้นในวันที่ 21-22 มีนาคม โดยเฟดจะพิจารณาจากข้อมูลที่ได้รับเกี่ยวกับตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ

"เรายังไม่ได้ตัดสินใจใดๆเกี่ยวกับการประชุมในเดือนมี.ค. และที่สำคัญคือ เฟดไม่มีการกำหนดแนวทางเอาไว้ล่วงหน้า การตัดสินใจของเฟดจะถูกกำหนดจากข้อมูลที่เข้ามา และแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งถ้าข้อมูลบ่งชี้ให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้เร็วขึ้น เราก็พร้อมที่จะเพิ่มความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย" นายพาวเวลล์กล่าว

นอกจากนี้ เขายังระบุถึงตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.พ.ที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้ว่า ถือเป็นข้อมูลที่มีความสำคัญ รวมทั้งตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์หน้า ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 21-22 มี.ค.

ในการแถลงต่อวุฒิสภาเมื่อวันอังคาร (7 มี.ค.) นายพาวเวลล์ กล่าวว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับสูงกว่าที่เจ้าหน้าที่เฟดเคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่งกว่าที่คาด ซึ่งบ่งชี้ว่าอัตราดอกเบี้ยขั้นสุดท้ายของเฟดจะอยู่สูงกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ และหากข้อมูลทั้งหมดบ่งชี้ว่าเฟดควรคุมเข้มนโยบายการเงินให้เร็วขึ้น เฟดก็พร้อมที่จะเพิ่มความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ทั้งนี้ เขายอมรับว่า แม้เงินเฟ้อจะชะลอตัวลงหลังจากแตะจุดสูงสุดในปีที่แล้ว (2565)แต่กระบวนการทำให้เงินเฟ้อลดลงสู่เป้าหมาย 2% ยังคงเป็นหนทางอีกยาวไกล และไม่ราบรื่น ภารกิจในการต่อสู้เงินเฟ้อของเฟดยังคงไม่สิ้นสุด และเฟดจำเป็นที่จะต้องคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไปอีกระยะหนึ่ง

เสียงสะท้อนจากนักลงทุน

จากถ้อยแถลงของนายพาวเวลล์ นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมี.ค.นี้ และจากนั้นเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนแตะระดับสูงสุดในกรอบ 5.50-5.75% ในเดือนมิ.ย. และเชื่อว่า เฟดจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 72.0% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. และให้น้ำหนักเพียง 28.0% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25%

นายสตีเวน บลิทซ์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัททีเอส ลอมบาร์ด กล่าวว่า เฟดจะไม่ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย

"เฟดจะไม่ออกจากวงจรดังกล่าว จนกว่านายเจอโรม พาวเวลจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเกิดภาวะถดถอย และจนกว่าอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้น ซึ่งเมื่อถึงจุดนี้ เฟดจึงจะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย"

"เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยอย่างแน่นอน และเฟดจะกดดันจนกว่าอัตราการว่างงานแตะระดับ 4.5% เป็นอย่างน้อย และผมคาดว่าอาจไปสูงถึง 5.5% ขณะที่เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนแตะระดับ 6.5% ก่อนที่สิ่งต่างๆจะชะลอตัวและปรับตัวลงอย่างแท้จริง" นายบลิทซ์กล่าวต่อสำนักข่าว CNBC

ด้าน นายริค ไรเดอร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของแบล็คร็อค ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในโลก คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแตะระดับสูงสุด 6% หลังจากที่ประธานเฟด ออกมาส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงกว่าที่เฟดเคยคาดการณ์ไว้ เพื่อทำให้เงินเฟ้อปรับตัวลงสู่เป้าหมายที่เฟดกำหนดไว้

"เราคิดว่ามีโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 6% และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวต่อไประยะหนึ่งเพื่อชะลอเศรษฐกิจ และเพื่อทำให้เงินเฟ้อปรับตัวลงใกล้ 2%" ไรเดอร์ระบุในรายงานของแบล็คร็อค นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงเศรษฐกิจสหรัฐว่า "เศรษฐกิจมีความยืดหยุ่นมากกว่าคาด เนื่องจากไม่ได้มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยเหมือนกับในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และความยืดหยุ่นดังกล่าวได้ทำให้การแก้ไขปัญหาของเฟดมีความซับซ้อนมากขึ้น"

"เศรษฐกิจสหรัฐก็เหมือนกับโพลียูรีเทน ซึ่งเป็นสารที่มีความยืดหยุ่นและปรับตัวได้สูง แต่ก็มีความคงทนและมีความแข็งแกร่ง" รายงานระบุ

ดอลลาร์พุ่งนิวไฮรอบ 3 เดือน ขานรับถ้อยแถลง

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 เดือนขานรับถ้อยแถลงของนายพาวเวลล์ ที่ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงกว่าคาดเพื่อทำให้เงินเฟ้อปรับตัวลงสู่เป้าหมายที่เฟดกำหนดไว้

โดย ณ เวลา 20.54 น.ของวันพุธ (8 มี.ค.) ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ บวก 0.09% สู่ระดับ 105.70 หลังจากแตะระดับ 105.88 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 เดือน ขณะที่ดอลลาร์ดีดตัว 0.10% สู่ระดับ 1.054 เมื่อเทียบยูโร และอ่อนค่า 0.01% สู่ระดับ 137.13 เยน